หุ้น Nike ร่วงหนัก 10% หลังกำไรวูบจากพิษภาษีและยอดขายในจีนยังไม่ฟื้นตัว

ข่าวต่างประเทศ Friday December 19, 2025 09:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาหุ้นของไนกี้ (Nike) ดิ่งลงถึง 10.76% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ธ.ค.) หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ตามปีงบการเงิน 2569 (สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. 2568) ที่แสดงให้เห็นว่ายักษ์ใหญ่เครื่องกีฬารายนี้กำลังเผชิญศึกหนักรอบด้าน โดยสาเหตุหลักมาจากยอดขายในจีนที่ซบเซาและการปรับโครงสร้างสินค้ายังไม่เห็นผล

แม้รายได้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่กำไรสุทธิกลับร่วงลงถึง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ลดลงถึง 300 basis points (3 จุดเปอร์เซ็นต์) และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องอีก 175-225 basis points ในไตรมาสหน้า

แม้กำไรสุทธิจะลดลง แต่กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้ว (adjusted EPS) อยู่ที่ 53 เซนต์ ซึ่งยังดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 38 เซนต์

ยอดขายในภูมิภาคเกรเทอร์ไชน่า (Greater China) ยังคงเป็นตัวฉุดการเติบโต โดยยอดขายลดลง 17% ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 6 เนื่องจากลูกค้าเข้าร้านน้อยลงและบริษัทระบายสินค้าคงคลังรุ่นเก่าได้ยาก

ขณะเดียวกัน แบรนด์คอนเวิร์ส (Converse) ก็มียอดขายดิ่งลงถึง 30% เพราะขาดสินค้าใหม่มาดึงดูดใจลูกค้าที่ยังยึดติดกับรุ่นคลาสสิกอย่าง ชัค เทย์เลอร์ (Chuck Taylor) สภาวะนี้ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าการฟื้นตัวของบริษัทอาจช้ากว่าที่คิด

เอลเลียต ฮิลล์ CEO ของไนกี้ ระบุว่าบริษัทกำลังอยู่ใน "ช่วงกลางทาง" (Middle Innings) ของแผนฟื้นฟูกิจการ โดยเปรียบเทียบกับทีมเบสบอล Dodgers ที่คว้าแชมป์ได้แม้ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเริ่มแสดงความไม่มั่นใจต่อคำเปรียบเปรยดังกล่าว และต้องการเห็นกรอบเวลาที่ชัดเจนในการกลับมาเติบโต

ปัจจุบันไนกี้พยายามทวงคืนความนิยมและส่วนแบ่งการตลาดที่เสียให้แก่แบรนด์น้องใหม่อย่างออน (On) และโฮก้า (Hoka) โดยหันมาเน้นกีฬาหลักอย่างการวิ่งและฟุตบอลอีกครั้ง พร้อมทั้งรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพันธมิตรค้าปลีกอย่าง ดิกส์ สปอร์ติ้ง กู๊ดส์ (Dicks Sporting Goods) อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนจากแผนเน้นขายตรงมาเป็นการขายผ่านร้านค้าส่งส่งผลให้กำไรลดลงในระยะสั้น เนื่องจากมีส่วนต่างกำไรน้อยกว่า

อีกหนึ่งปัจจัยลบสำคัญคือนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดเก็บภาษีสินค้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของไนกี้ โดยแมทธิว เฟรนด์ CFO ของบริษัท ประเมินว่าภาระภาษีนี้จะทำให้บริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้

นอกจากนี้ ไนกี้ยังส่งสัญญาณว่ารายได้ในไตรมาสที่ 3/69 ซึ่งครอบคลุมช่วงเทศกาลคริสต์มาส จะลดลงในระดับหลักหน่วยต้น ๆ (low-single digits) ซึ่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

แม้สินค้าใหม่อย่าง ไนกี้สกิมส์ (NikeSKIMS) ที่ทำร่วมกับคิม คาร์ดาเชียน จะไปได้สวย แต่ความไม่แน่นอนในจีนและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูกิจการที่สูงลิ่ว ยังคงทำให้นักลงทุนเฝ้ารอแผนงานและกรอบเวลาการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่านี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ