นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายที่สองของเฟดที่ประกาศลาออก โดยเขาประกาศว่าจะลาออกก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง หลังจากที่เกิดข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
การประกาศลาออกของนายแคปแลนมีขึ้นเพียงวันเดียว หลังจากที่นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตันได้ประกาศลาออก แต่นายโรเซนเกรนให้เหตุผลด้านสุขภาพ และไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการลงทุนในหุ้น
การลาออกของนายแคปแลนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 ต.ค. ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวก่อนที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดจะใช้เวลา 2 วันในการแถลงที่อาคารรัฐสภาสหรัฐเกี่ยวกับความพยายามของเฟดในการรับมือกับผลกระทบของโรคโควิด-19
เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา นายพาวเวลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทบทวนหลักจริยธรรมของเฟดในเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างเหมาะสม หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสหลายคนของเฟดได้ทำการซื้อขายหุ้นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในปี 2563 และเจ้าหน้าที่อีกบางส่วนมีการลงทุนในหุ้นจำนวนมาก
คำสั่งดังกล่าวของนายพาวเวลเกิดขึ้นหลังจากวุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอรร์เรน ได้ส่งจดหมาย 12 ฉบับถึงประธานเฟดสาขาต่างๆ โดยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบด้านจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดอย่างเข้มงวด และเรียกร้องให้ประธานเฟดแต่ละสาขาใช้มาตรการสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดถือครองหุ้นและซื้อขายหุ้น
เมื่อไม่นานมานี้ ประธานเฟดทั้ง 12 เขตได้เปิดเผยเอกสารทางการเงินซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการลงทุนซื้อขายหุ้นในปี 2563 โดยประธานเฟดบางคนมีสถานะการลงทุนมูลค่าหลายล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า นายแคปแลนมีการลงทุนซื้อขายหุ้นเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการลงทุนในหุ้นของบริษัทแอปเปิล, แอมะซอน และเดลตา แอร์ไลน์
อย่างไรก็ดี นายแคปแลนยืนยันว่าเขาไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด
"ในระหว่างที่ผมทำหน้าที่ประธานเฟดสาขาดัลลัส ผมปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมและนโยบายของเฟดอย่างครบถ้วน หลักทรัพย์ที่ผมลงทุนและการเปิดเผยการทำธุรกรรมด้านการลงทุนของผมนั้น สอดคล้องกับกฎระเบียบและมาตรฐานของเฟด" นายแคปแลนกล่าว