ดอลลาร์อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และดัชนีภาคบริการหดตัวครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี
ณ เวลา 22.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.40% สู่ระดับ 98.84 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.43% สู่ระดับ 1.142 เทียบยูโร และร่วงลง 0.59% สู่ระดับ 143.15 เยน
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 37,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2566 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 110,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 60,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 49.9 ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การหดตัวครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี จากระดับ 51.6 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.1
ดัชนีได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ส่วนดัชนีราคาพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง โดยได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่การจ้างงานยังคงปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 130,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.2%