ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก กังวลโควิดถ่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday September 19, 2020 07:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้ว และเยนแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในยุโรป และสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคระบาดดังกล่าว

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.05% สู่ระดับ 92.9273 เมื่อคืนนี้ และปรับตัวลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 104.55 เยน จากระดับ 104.69 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9101 ฟรังก์ จากระดับ 0.9089 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3192 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3174 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1853 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1838 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าแตะที่ระดับ 1.2924 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2960 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7299 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7304 ดอลลาร์สหรัฐ

นักวิเคราะห์ระบุว่า ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนขายดอลลาร์จากความวิตกเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน

ส่วนปอนด์อ่อนค่าลง หลังธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณที่จะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และรัฐบาลอังกฤษพิจารณาที่จะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งที่ 2 เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ขณะที่โรงพยาบาลรับผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น และยอดติดเชื้อเพิ่มขึ้นในกรุงลอนดอนและทางตอนเหนือของอังกฤษ

ส่วนกระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 แตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาด 1.2% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค.และ 3.1% ในเดือนมิ.ย., กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐพุ่งขึ้น 52.9% สู่ระดับ 1.705 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี หลังจากขาดดุล 1.115 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก และมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 78.9 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 75.0 จากระดับ 74.1 ในเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ