Analysis: "ทรัมป์" เดินสายเยือนเอเชีย สัญญาณเตือนเกาหลีเหนือหยุดโครงการนิวเคลียร์?

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 3, 2017 17:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศในเอเชียวันนี้ ขณะที่ความตึงเครียดเหนือคาบสมุทรเกาหลียังไม่มีทีท่าผ่อนคลาย

ทรัมป์เตรียมเยือน 5 ประเทศในเอเชียระหว่างวันที่ 3-14 พ.ย. ได้แก่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยหลายฝ่ายคาดว่า ประเด็นสำคัญที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาร่วมพูดคุยกับเหล่าผู้นำของประเทศเหล่านี้คงจะหนีไม่พ้นโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

การเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ของทรัมป์ ตรงกับช่วงที่ผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือต่างข่มขู่กันด้วยคำพูดอย่างไม่มีทีท่าลดละ โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ได้ข่มขู่เกาหลีเหนือว่า จะใช้กำลังทางทหารอย่าง "รุนแรงและเกรี้ยวกราด" โจมตีเกาหลีเหนือหากสหรัฐถูกคุกคาม ขณะนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ออกมาตอบโต้ว่า จะทำให้สหรัฐกลายเป็น "ทะเลเพลิง"

ทรัมป์นั้นต้องการให้เกาหลีเหนือหยุดโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และได้พยายามกดดันเกาหลีเหนือด้วยวิธีการเชิงข่มขู่และดึงผู้นำจากประเทศอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หลังจากที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธหลายครั้งติดต่อกัน และอ้างว่าขีปนาวุธของตนเองสามารถยิงไปถึงสหรัฐได้

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการใช้วิวาทะโต้กันไปมาหลายครั้ง แต่นักวิเคราะห์หลายคนกลับมองว่า เกาหลีเหนือจะไม่หยุดพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของตนเองในเร็วๆนี้แน่นอน

นักวิเคราะห์ในสหรัฐมองว่า บุคคลในตระกูลคิมได้แก่ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน, นายคิม จอง อิล ผู้เป็นบิดา และนายคิม จอง ซุง ผู้มีศักดิ์เป็นตา ล้วนแล้วแต่เป็นนักการเมืองที่มีไหวพริบ โดยเฉพาะนายคิม จอง อึน และนายคิม จอง อิล ที่พบว่าผู้นำของอิรักและลิเบียต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก หลังสหรัฐสามารถหยุดยั้งโครงการพัฒนานิวเคลียร์ภายในประเทศเหล่านี้ลงได้ และด้วยเหตุนี้ เกาหลีเหนือจึงมองว่า โครงการนิวเคลียร์จะเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ทำให้ประเทศสามารถอยู่รอดต่อไปได้

นายทรอบ สตันกาโรน ผู้อำนวยการอาวุโสประจำสถาบันเศรษฐกิจเกาหลี (KEI) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า เกาหลีเหนือกำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากด้านความมั่นคงของประเทศ "เกาหลีเหนือถูกรุมล้อมจากชาติมหาอำนาจอย่างเกาหลีใต้ สหรัฐ และญี่ปุ่น...ขณะที่การยินยอมที่จะยุติโครงการพัฒนานิวเคลียร์ จะทำให้ไม่สามารถรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศได้"

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์รายอื่นยังมองว่า ที่เกาหลีเหนือไม่ยอมยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์นั้น เป็นเพราะเกาหลีเหนือต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองมาโดยตลอด

นายดักกลาส พาอาล รองประธานด้านการศึกษาประจำศูนย์รวมทางความคิด Carnegie Endowment for International Peace ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "เกาหลีเหนือต้องการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มานานแล้ว"

ขณะเดียวกัน เมื่อถูกถามว่า ท่าทีของทรัมป์จะช่วยให้เป้าหมายในการยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จหรือไม่ สตันกาโรน กล่าวว่า "คิม จอง อึนนั้น แตกต่างจากศัตรูทางการเมืองและบริษัทในสหรัฐตรงที่ตัวเขาเองไม่สามารถถูกข่มขู่จากท่าทีของทรัมป์ได้"

"แม้ว่าข้อความบนทวิตเตอร์ของทรัมป์จะสามารถชักจูงให้ภาคธุรกิจเดินเป็นไปในทิศทางที่ทรัมป์ต้องการได้ แต่กลับไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้เลยว่า คิม จอง อึน จะใส่ใจกับสิ่งที่ทรัมป์เขียนขึ้น"

"การกล่าวโจมตีแบบเดิมๆของทรัมป์ไม่สามารถใช้กับเกาหลีเหนือได้ ในทางกลับกัน การทวีตข้อความและท่าทีต่างๆของทรัมป์กลับก่อให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม และสนับสนุนแนวคิดที่ว่า เกาหลีเหนือยังคงต้องการพึ่งพาโครงการนิวเคลียร์ของตนเอง" สตันกาโรนกล่าว

"ท่าทีของทรัมป์อาจสื่อให้เห็นถึงความจริงจังของสหรัฐให้จีนได้เห็น แต่สหรัฐอาจได้รับความร่วมมือในระดับเดียวกันผ่านท่าทีที่โอนอ่อนกว่า"

ด้านนายพาอาลกล่าวว่า "ท่าทีของทรัมป์อย่างมากที่สุดคือเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังเกาหลีเหนือ ให้เกรงกลัวการใช้กำลังทหารของสหรัฐ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้" สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ