ผลสำรวจจากเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ที่เผยแพร่ในวันนี้ (13 พ.ค.) ระบุว่า กิจกรรมทางธุรกิจในออสเตรเลียยังคงชะลอตัวในเดือนเม.ย. โดยสาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจนกระทบอัตรากำไร ขณะที่หลายบริษัทยังคงลังเลที่จะลงทุนเพิ่ม เพราะยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
ดัชนีภาวะธุรกิจของ NAB ลดลงเล็กน้อย 1 จุด มาอยู่ที่ +2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวอยู่มาก ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจขยับขึ้น 1 จุด มาอยู่ในระดับที่ยังค่อนข้างต่ำคือ -1
การสำรวจนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเม.ย. ซึ่งตอนนั้นตลาดเริ่มทรงตัวได้บ้างแล้ว หลังจากที่เจอผลกระทบจากมาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.
อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นอาจมีแนวโน้มดีขึ้นได้อีก หลังจากที่สหรัฐฯ และจีนตกลงลดกำแพงภาษีระหว่างกันเป็นการชั่วคราว 90 วัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12 พ.ค.)
ผลสำรวจยังเผยอีกว่า ดัชนียอดขายค่อนข้างคงที่ที่ระดับ +5 ในเดือนเม.ย. เช่นเดียวกับดัชนีการจ้างงานที่ +4 แต่ในทางกลับกัน ดัชนีความสามารถในการทำกำไรกลับร่วงลงถึง 4 จุด มาอยู่ที่ -4 ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนการจัดซื้อที่สูงขึ้นจนกดดันอัตรากำไร
นอกจากนี้ ดัชนีการใช้จ่ายในการลงทุนลดลงถึง 6 จุด มาอยู่ที่ +1 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย สะท้อนว่าบริษัทต่าง ๆ กำลังชะลอแผนการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกให้มีความชัดเจนมากกว่านี้
ความไม่แน่นอนดังกล่าวนี้เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันที่ 20 พ.ค.นี้ ซึ่งการลดดอกเบี้ยก็อาจจะช่วยประคองความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง