สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (19 พ.ค.) ว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5% และน้อยกว่าเดือนมี.ค. ที่ขยายตัว 5.9% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการอุปโภคบริโภคของจีนยังคงอ่อนแอ
ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 6.1% เมื่อเทียบรายปี แม้ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.5% แต่การขยายตัวดังกล่าวชะลอตัวลงจากที่พุ่งขึ้นถึง 7.7% ในเดือนมี.ค.
ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรซึ่งรวมถึงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 4% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.2% โดยการลงทุนสินทรัพย์ถาวรในด้านอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลงถึง 10.3% ในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ รายงาน NBS ระบุว่า อัตราว่างงานในเขตเมืองปรับตัวลงสู่ระดับ 5.1% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 5.2% ส่วนราคาบ้านใหม่ของจีนทรงตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่สองในเดือนเม.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน แม้ว่ารัฐบาลจีนพยายามใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้มีขึ้นในขณะที่สถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงตึงเครียด โดยแม้ว่าจีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงปรับลดภาษีศุลกากรเป็นเวลา 90 วัน แต่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักเตือนว่าการที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีการทำข้อตกลงการค้าในระยะยาวอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ