สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตปรับตัวลงแตะระดับ 49.3 ในเดือนก.ค. จากระดับ 49.7 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.7
ทั้งนี้ ดัชนีที่ระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 4 สะท้อนให้เห็นว่าการส่งออกที่เคยพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้านั้น เริ่มอ่อนแรงลง ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังคงซบเซา
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการลดลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.5 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 50.3
การเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่องของจีนมีขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวช้าลง ในขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดนในวันอังคารที่ผ่านมา (29 ก.ค.) โดยทั้งสองฝ่ายไม่ได้ประกาศความคืบหน้าในการเจรจา หรือกำหนดเวลาที่ชัดเจนของการขยายเวลาการระงับการขึ้นภาษีศุลกากร
ด้านสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ และจีนจะเดินหน้าเจรจาเกี่ยวกับประเด็นการขยายระยะเวลาการพักรบด้านการค้า ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 12 ส.ค. โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการขยายเวลาดังกล่าว