ผลสำรวจที่เปิดเผยในวันนี้ (5 ส.ค.) ชี้ว่า ยอดสั่งซื้อใหม่เดือนก.ค.ในภาคบริการของสหราชอาณาจักร (UK) ดิ่งลงหนักที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ธุรกิจในภาคบริการลดการจ้างงานมากที่สุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจยิ่งสร้างแรงกดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ต้องตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหราชอาณาจักรโดย S&P Global ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.8 ในเดือนก.ค. จาก 52.8 ในเดือนมิ.ย. แต่ดัชนีย่อยที่น่ากังวลคือ ยอดธุรกิจใหม่ ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 50 มาอยู่ที่ 47.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 สะท้อนถึงอุปสงค์ที่ซบเซาอย่างชัดเจน ขณะที่ดัชนีการจ้างงานก็ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหราชอาณาจักร ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 51.5 ในเดือนก.ค. จากเดิม 51.0 ในเดือนมิ.ย. โดยได้อานิสงส์จาก PMI ภาคการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้น
ทิม มัวร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ S&P Global ระบุว่า การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และความเชื่อมั่นต่ำของลูกค้า เป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งยอดขาย ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ไม่เอื้ออำนวย
สถานการณ์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่อ่อนแอ โดยอัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักรได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ผลผลิตทางเศรษฐกิจก็หดตัวลงติดต่อกันสองเดือน นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยังต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและเงินสมทบประกันสังคมที่รัฐบาลประกาศใช้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางภาพรวมที่ซบเซา ภาคธุรกิจกลับมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มในอีกหนึ่งปีข้างหน้า โดยดัชนีกิจกรรมในอนาคตพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่เดือนต.ค. โดยเป็นผลจากความกังวลเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่คลี่คลายลง และความคาดหวังที่ว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ (7 ส.ค.) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคธุรกิจและผู้บริโภคได้