ผลสำรวจของธนาคารเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ที่เปิดเผยในวันนี้ (14 ต.ค.) ระบุว่า ภาวะทางธุรกิจของออสเตรเลียในเดือนก.ย. ยังคงทรงตัว แม้ยอดขายและผลกำไรจะปรับตัวดีขึ้น แต่ถูกหักล้างด้วยภาคการจ้างงานที่ชะลอตัวลง ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย
ผลสำรวจชี้ว่า ดัชนีภาวะธุรกิจประจำเดือนก.ย. ทรงตัวอยู่ที่ระดับ +8 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนส.ค. ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวขึ้น 3 จุด สู่ระดับ +7 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว
แซลลี ออลด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAB กล่าวว่า "ผลสำรวจประจำเดือนก.ย. สะท้อนผลลัพธ์ที่เป็นบวกอย่างต่อเนื่องในภาพรวม ทั้งความเชื่อมั่นและภาวะทางธุรกิจดูเหมือนกำลังสร้างฐานอยู่เหนือระดับเฉลี่ยระยะยาวเล็กน้อย หลังจากที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงกลางปี 2568"
การสำรวจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากข้อมูลทางการเมื่อเดือนก.ย.บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 2/2568 (สิ้นสุดเดือนมิ.ย.) ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งเป็นผลจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มตอบสนองต่อต้นทุนการกู้ยืมที่ลดต่ำลงและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) แสดงความกังวลเมื่อเดือนที่แล้วว่า ข้อมูลล่าสุดอาจบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 3/68 อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน พร้อมทั้งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (cash rate) ไว้ที่ 3.60% ตามที่ตลาดคาดการณ์
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของผลสำรวจพบว่า ดัชนีด้านยอดขายทางธุรกิจเพิ่มขึ้น 3 จุด สู่ระดับ +16 ส่วนดัชนีความสามารถในการทำกำไรดีดตัวขึ้น 1 จุด สู่ระดับ +6 ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่ออุปสงค์แรงงานในระยะกลาง แต่ในทางกลับกัน ดัชนีคำสั่งซื้อล่วงหน้าปรับตัวลง 3 จุด เข้าสู่แดนลบและต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ด้านต้นทุนนั้น พบว่าต้นทุนปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงต้นปี ขณะที่การเติบโตของราคาค้าปลีกรายไตรมาสเร่งตัวขึ้นสู่ 0.7% จาก 0.5% ส่วนต้นทุนแรงงานชะลอตัวลงสู่ 1.5% จาก 1.6%