เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาส 3/2568 ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันได้จุดชนวนการประท้วง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้ภาครัฐต้องเบรกโครงการสำคัญหลายโครงการ กดดันให้ค่าเงินเปโซร่วงลง
สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3/68 ขยายตัวเพียง 4.0% เมื่อเทียบรายปี โดยเป็นอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 และชะลอลงจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 5.5% ทั้งยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.2%
ข้อมูลชี้ว่า การลงทุนหดตัวลง 2.8% ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาครัฐต่างชะลอตัวลง ปัจจัยเหล่านี้เป็นผลสืบเนื่องจากข้อกล่าวหาความผิดปกติในโครงการบรรเทาอุทกภัยที่ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ออกมาเปิดโปงด้วยตนเองเมื่อเดือนก.ค.
ผลการสืบสวนพบการสมรู้ร่วมคิดระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการ และผู้รับเหมา เพื่อยักยอกเงินงบประมาณสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้โครงการไม่เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่มีการก่อสร้างขึ้นเลย
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศสถานการณ์ภัยพิบัติเมื่อวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) และเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นคัลแมกี
อาร์เซนิโอ บาลิซาคาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนเศรษฐกิจ แถลงข่าวว่า "เรากำลังเร่งรัดมาตรการคุ้มครองทางสังคมและความช่วยเหลือทางการเงินแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ขณะนี้รัฐบาลมีอำนาจเข้าถึงกองทุนฉุกเฉินเพื่อระดมทรัพยากรทั้งระดับชาติและท้องถิ่น"
นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังต้องรับมือกับภาษีศุลกากร 19% สำหรับการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนส.ค. ขณะเดียวกัน ผลผลิตทางการเกษตรก็ลดลงในไตรมาสล่าสุดเนื่องจากพายุไต้ฝุ่น