เวียดนามเปิดเผยข้อมูลการค้าซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยอดการนำเข้าโทรศัพท์และชิ้นส่วนจากเวียดนามของสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการค้าและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มผู้ส่งออกรายใหญ่ โดยเฉพาะซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics)
แม้สินค้ากลุ่มสมาร์ตโฟนจะได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ แต่ข้อมูลที่เปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ชี้ว่า ความไม่แน่นอนทางการค้าได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของเวียดนามตลอดทั้งปี โดยช่วงเดือนม.ค. ยอดส่งออกเคยพุ่งขึ้นสูงสุดและดีดตัวกลับมาอีกครั้งในเดือนพ.ค. ภายหลังรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเว้นภาษีอัตราสูงให้แก่สินค้ากลุ่มโทรศัพท์และอิเล็กทรอนิกส์
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เดือนส.ค. เป็นต้นมา ยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนกลับเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับช่วงเวลาที่เริ่มมีการเรียกเก็บภาษีสินค้าเวียดนามในอัตรา 20% แม้สินค้าหมวดนี้จะได้รับข้อยกเว้นดังกล่าวอยู่ก็ตาม
สถิติเดือนพ.ย. แสดงให้เห็นว่า มูลค่าส่งออกโทรศัพท์ของเวียดนามไปสหรัฐฯ ลดลงเหลือไม่ถึง 410 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นสถิติต่ำสุดรายเดือนนับตั้งแต่พ.ค. 2563 และเป็นการลดลงติดต่อกันถึง 4 เดือน นอกจากนี้ ข้อมูลทางการยังระบุว่ายอดการผลิตโทรศัพท์ในประเทศปรับตัวลดลงเมื่อเทียบรายปีมาตั้งแต่เดือนส.ค. เช่นกัน
ถึงกระนั้น ยอดส่งออกที่เติบโตสูงในช่วงครึ่งปีแรกได้ช่วยชดเชยส่วนที่ลดลงในช่วงท้ายปี ส่งผลให้มูลค่าส่งออกสะสม 11 เดือนแรกของปี 2568 ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในแง่โครงสร้างการค้า ตัวเลขการส่งออกสมาร์ตโฟนของเวียดนามสะท้อนภาพรวมธุรกิจของซัมซุงเป็นหลัก เนื่องจากยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้รายนี้ครองส่วนแบ่งการผลิตและส่งออกสูงสุดในประเทศ แม้ทางซัมซุงจะปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อตัวเลขการค้าและไม่เปิดเผยยอดส่งออกจากฐานผลิตในเวียดนาม แต่ผู้บริหารรายหนึ่งที่คุ้นเคยกับการดำเนินงานของบริษัทเปิดเผยว่า ซัมซุงกำลังปรับลดปริมาณการผลิตและการส่งออกเพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
สถานการณ์ยอดส่งออกสมาร์ตโฟนไปสหรัฐฯ ที่ซบเซาลงนี้ได้ฉุดให้มูลค่าการส่งออกรวมของเวียดนามในเดือนพ.ย. ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่เกือบ 4 พันล้านดอลลาร์