สื่อกัมพูชา Khmer Times รายงานในวันนี้ (24 ก.ค.) ว่า สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนชาวกัมพูชาอยู่ในความสงบและใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่กองทัพไทยใช้กำลังเข้าโจมตีกองกำลังของกัมพูชาบริเวณใกล้ปราสาทตาเมือนธม ตามแนวชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา
-- เจีย ธิริธ โฆษกของสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมาตอบโต้รายงานของสื่อไทยที่อ้างว่าสมเด็จ ฮุนเซน ได้เดินทางออกจากกรุงพนมเปญเพื่อหนีไปประเทศจีน โดยกล่าวว่า สมเด็จ ฮุนเซน อยู่ในกัมพูชา เคียงข้างนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และกองกำลังทุกระดับ
-- สื่อกัมพูชา Khmer Times รายงานในวันนี้ (24 ก.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวในพื้นที่ปะทะว่า กองกำลังทหารกัมพูชาได้เข้าควบคุมพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ความคืบหน้าดังกล่าวถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสถานการณ์การเผชิญหน้าทางทหารระหว่างไทยกับกัมพูชาตามแนวชายแดน
-- รัฐบาลกัมพูชาประกาศลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยลงสู่ระดับต่ำสุด พร้อมเรียกตัวเอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่การทูตทั้งหมดกลับประเทศ เพื่อตอบโต้มาตรการของรัฐบาลไทยที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้
-- สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) กล่าวหากองทัพไทยว่าใช้กำลังทหาร "รุกรานโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า" ตามแนวชายแดน พร้อมเรียกร้องให้ UNSC จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อบีบให้ไทยยุติการกระทำอันเป็นปรปักษ์และถอนกำลังทหารกลับที่ตั้งโดยทันที
-- สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ (24 ก.ค.) ว่า ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศได้ขาดการติดต่อกับเครื่องบินโดยสาร An-24 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือประมาณ 50 คน ในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ล่าสุดมีรายงานว่าพบเศษซากของเครื่องบินแล้ว และไม่มีรายงานผู้รอดชีวิต
-- สำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวันพุธ (23 ก.ค.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้รับแจ้งจากแพม บอนดี อัยการสูงสุดสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนพ.ค. ว่า ชื่อของเขาปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน อาชญากรทางเพศผู้ล่วงลับ การเปิดเผยครั้งนี้ส่อเค้าว่าจะยิ่งซ้ำเติมวิกฤตการเมืองที่รุมเร้ารัฐบาลของเขามานานหลายสัปดาห์ให้รุนแรงยิ่งขึ้น
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยืนยันว่ารัฐบาลจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าที่เรียกว่าภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ในอัตราระหว่าง 15%-50% หลังพ้นเส้นตายเจรจาการค้าในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยกำหนดให้ 15% เป็นอัตราขั้นต่ำ ขณะที่ประเทศที่มีความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นกับสหรัฐฯ อาจถูกเก็บในอัตราสูงสุด 50% โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Summit) ที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธ (23 ก.ค.)
-- อิทธิพลของพายุ "วิภา" ทำให้ตกหนัก น้ำท่วมรุนแรง และดินถล่มในฟิลิปปินส์ในวันนี้ (23 ก.ค.) ขณะเดียวกันฟิลิปปินส์ยังเผชิญกับพายุโชนร้อนอีกสามลูก ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านภัยพิบัติเลวร้ายลงไปอีก โดยขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย
-- รัฐบาลบราซิลประกาศเมื่อวันพุธ (23 ก.ค.) ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเข้าร่วมคดีที่แอฟริกาใต้ยื่นฟ้องอิสราเอลเกี่ยวกับความรุนแรงในฉนวนกาซา ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)