บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป (Toyota Motor Corp.) เปิดเผยในวันนี้ (30 ก.ค.) ว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของกลุ่มโตโยต้า รวมถึงบริษัทในเครืออย่างไดฮัทสุ มอเตอร์ โค (Daihatsu Motor Co.) และฮีโน่มอเตอร์ส (Hino Motors) เพิ่มขึ้น 7.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 5.54 ล้านคัน นับเป็นยอดขายครึ่งปีแรกที่สูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 4 ปี
โตโยต้าทำผลงานในครึ่งปีแรกได้ดีกว่าบริษัทคู่แข่งจากเยอรมนีอย่างโฟล์คสวาเกน เอจี (Volkswagen AG) และคาดว่าจะทำให้โตโยต้าสามารถรั้งตำแหน่งยอดขายสูงสุดในโลกเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยโฟล์คสวาเกนมียอดขายในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4.41 ล้านคัน เพิ่มขึ้นเพียง 1.3% เมื่อเทียบรายปี
ส่วนยอดขายภายในประเทศของโตโยต้าช่วงครึ่งปีแรกพุ่งขึ้น 27.4% แตะที่ 1.05 ล้านคัน ฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในปี 2567 ภายหลังจากบริษัทถูกตรวจพบว่าโกงผลทดสอบคุณภาพรถยนต์ ขณะที่ยอดขายในต่างประเทศปรับตัวขึ้น 3.6% แตะที่ระดับ 4.50 ล้านคัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์รถยนต์ไฮบริดทั่วโลก
ยอดขายเฉพาะแบรนด์โตโยต้าในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.2% แตะที่ระดับ 1.24 ล้านคัน เนื่องจากผู้บริโภคแห่ซื้อรถยนต์ในนาทีสุดท้าย ท่ามกลางความกังวลว่าราคาอาจจะปรับตัวสูงขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร
อย่างไรก็ดี แม้ว่ารัฐบาลทรัมป์ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์สู่ระดับ 27.5% ในเดือนเม.ย. แต่ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้อัตราภาษีลดลงมาอยู่ที่ระดับ 15%
ส่วนในประเทศจีน ซึ่งมีการแข่งขันอย่างดุเดือดกับบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคู่แข่งอย่างบีวายดี (BYD) นั้น โตโยต้ายังสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 6.8% แตะที่ระดับ 837,744 คัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการส่งเสริมที่เกี่ยวข้องกับการอุดหนุนจากรัฐบาล
สำหรับเดือนมิ.ย.เพียงเดือนเดียว ยอดขายทั่วโลกของกลุ่มโตโยต้าซึ่งรวมถึงบริษัทในเครือด้วยนั้น เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 937,246 คัน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายไดฮัทสุที่พุ่งขึ้น 22.4% แตะที่ 60,241 คัน