ซาอุดี อารัมโก (Saudi Aramco) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก เปิดเผยในวันนี้ (5 ส.ค.) ว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 9.204 หมื่นบ้านริยาล (2.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.37 หมื่นล้านริยาล
อย่างไรก็ดี บริษัทระบุว่ารายได้ในไตรมาส 2/2568 ลดลงสู่ระดับ 3.7883 แสนล้านริยาล จากระดับ 4.2571 แสนล้านริยาลในไตรมาส 2/2567 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์เคมีกลั่นปรับตัวลดลง
ส่วนการใช้จ่ายด้านทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 4.62 หมื่นล้านริยาลในไตรมาส 2/2568 จากระดับ 4.55 หมื่นล้านริยาลในไตรมาส 2/2567
ราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลงเกือบตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วงไตรมาสสองที่ราคาพุ่งขึ้นในช่วงสั้น ๆ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยสัญญาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มอุปสงค์ที่ไม่แน่นอน และสถานการณ์ยิ่งแย่ลงนับตั้งแต่เดือนเม.ย. เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรเป็นวงกว้าง โดยมาตรการดังกล่าวทำให้ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอนาคตของสกุลเงินดอลลาร์มีความไม่ชัดเจน โดยสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่กำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ดี อามีน นัสเซอร์ ซีอีโอของอารัมโก กล่าวในระหว่างการแถลงผลประกอบการวันนี้ว่า ปัจจัยพื้นฐานของตลาดยังคงแข็งแกร่ง และบริษัทคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ คาดว่ารายได้ของอารัมโกจะได้แรงหนุนจากการผลิตที่สูงขึ้น หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิต 547,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนก.ย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด
ด้านนักวิเคราะห์อิสระได้ประมาณการโดยอ้างอิงรายงานตลาดน้ำมันรายเดือนของโอเปกว่า ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันในปริมาณ 9.356 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.