สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (22 ก.ย.) ว่า สหรัฐฯ พร้อมใช้ "ทุกทางเลือก" เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้กับอาร์เจนตินา พร้อมส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการที่ "ใหญ่และทรงพลัง" เพื่อเข้าช่วยเหลือ การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีต่อประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์ และทีมเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา
เบสเซนต์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาและปธน.ทรัมป์จะหารือกับปธน.มิเลย์ก่อน นอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กในวันอังคารนี้ (23 ก.ย.) จากนั้นจึงจะตัดสินใจดำเนินการขั้นต่อไป
"เราต้องรอดูสถานการณ์ตลาดและทิศทางของกระแสเงินทุนก่อน แต่อย่าให้ใครสงสัยในความมุ่งมั่นของรัฐบาลชุดนี้" เบสเซนต์กล่าวเมื่อถูกถามว่าจะดำเนินการทันทีหลังการประชุมหรือไม่ แม้เบสเซนต์จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการ แต่ก็ย้ำว่า "ผมบอกได้เลยว่ามันจะใหญ่และทรงพลัง"
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดการเงินของอาร์เจนตินาดีดตัวขึ้นทันทีในวันจันทร์ โดยหุ้นที่ซื้อขายในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 10% และค่าเงินเปโซแข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะพันธบัตรระหว่างประเทศที่มูลค่าดิ่งลงกว่า 20% ตั้งแต่ต้นปี
ก่อนหน้านี้ ตลาดเผชิญความผันผวนอย่างหนักจากข้อกล่าวหาคอร์รัปชันในกลุ่มคนใกล้ชิดของปธน.มิเลย์ ประกอบกับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งท้องถิ่นในบัวโนสไอเรสที่ย่ำแย่กว่าที่คาด ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อมาตรการรัดเข็มขัด และทำให้นักลงทุนกังวลว่ามิเลย์อาจไม่สามารถเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไปได้ โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนต.ค.ใกล้เข้ามา
เบสเซนต์ ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์กล่าวว่า เขาไม่เห็นความเสี่ยงที่วิกฤตจะลุกลามทางการเงิน และได้เน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา
มาร์ก โซเบล อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า "สิ่งที่พวกเขากำลังพยายามทำคือการพยุงอาร์เจนตินาไว้จนกว่าจะถึงการเลือกตั้ง... มิเลย์ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากในด้านนโยบายการคลังและการเงิน แต่ปัญหาใหญ่คือค่าเงินที่แข็งเกินจริง ซึ่งพวกเขาต้องรีบแก้ไข"
เบสเซนต์ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเอ็กซ์ก่อนหน้านี้ว่า ทางเลือกต่าง ๆ อาจรวมถึงการทำข้อตกลงสวอปเงินตรา (swap line), การเข้าซื้อสกุลเงินเปโซโดยตรง หรือแม้แต่การใช้กองทุนรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน (ESF) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอาร์เจนตินา
เบสเซนต์ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะไม่ตั้งเงื่อนไขหรือข้อเรียกร้องใหม่ใด ๆ เพิ่มเติม ขอเพียงให้อาร์เจนตินายังคงปฏิบัติตามข้อตกลงเงินกู้ที่มีอยู่กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เท่านั้น
สถานการณ์ล่าสุดบีบให้ธนาคารกลางอาร์เจนตินาจำเป็นต้องเทขายเงินดอลลาร์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 6 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) เพื่อพยุงค่าเงินเปโซที่เผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยการเข้าแทรกแซงครั้งล่าสุดมีมูลค่าถึง 678 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดขายรวมในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมาสูงถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ในเดือนเม.ย. อาร์เจนตินาได้พยุงทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ร่อยหรอลง ด้วยการต่ออายุข้อตกลงสวอปเงินตรามูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ กับจีนออกไปอีกหนึ่งปี
เบสเซนต์กล่าวว่า เขาได้หารือกับคริสตาลินา กอร์เกียวา ผู้อำนวยการ IMF แล้ว และพอใจกับจุดยืนของ IMF ที่ยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงการช่วยเหลืออาร์เจนตินาได้จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งในเดือนต.ค.
เบสเซนต์ชี้ว่า ความปั่นป่วนในตลาดเกิดจากนักลงทุนที่ตื่นตระหนกง่ายและยังมีความทรงจำที่ไม่ดีจากรัฐบาลชุดก่อนของอาร์เจนตินา จึงรีบเทขายสินทรัพย์เมื่อเห็นสัญญาณว่าฝ่ายค้านอาจทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง