ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (2 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปิดบวกเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จะกินเวลาเพียงไม่นาน
การปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หรือการชัตดาวน์ในครั้งนี้คาดว่าจะยืดเยื้ออย่างน้อย 3 วัน เนื่องจากวุฒิสภาสหรัฐฯ จะงดการประชุมในวันนี้เนื่องในวันยมคิปปูร์ (Yom Kippur) แต่บรรดานักลงทุนคาดว่า การชัตดาวน์อาจลากยาวเกือบสองสัปดาห์
ส่วนตลาดหุ้นจีนและอินเดียปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันหยุด
-- วุฒิสภาสหรัฐฯ ทำการลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวครั้งใหม่ในวันพุธ (1 ต.ค.) หลังจากที่ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันอังคาร (30 ก.ย.) และทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดหน่วยงานรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ การลงมติต่อร่างกฎหมายซึ่งจะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีงบประมาณในการใช้จ่ายจนถึงวันที่ 21 พ.ย.ได้เริ่มขึ้นในพุธ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐฯ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย
ผลการลงมติปรากฎว่า วุฒิสภาให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนเสียงเพียง 55 เสียง ขณะที่คัดค้าน 45 เสียง โดยพรรครีพับลิกันไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนมากถึง 60 เสียงตามที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้ร่างงบประมาณดังกล่าวตกไปอีกครั้งหนึ่ง และทำให้สหรัฐยังคงอยู่ในภาวะชัตดาวน์
ผลการลงมติ 55-45 เสียงดังกล่าว ไม่เปลี่ยนแปลงจากการลงมติเมื่อวันอังคาร
-- ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันพุธ ท่ามกลางความวิตกที่ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดัน หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนทรุดหนักในเดือนก.ย. ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ และจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงในวันนี้ และดิ่งลง 10% นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งขณะนั้นดอลลาร์ร่วงลงถึง 14.6%
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า การที่จีนระงับการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ จะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ซึ่งมีกำหนดจะพบกันภายในราวหนึ่งเดือนข้างหน้า
ทรัมป์ระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ กำลังได้รับผลกระทบ เพราะจีนไม่ยอมซื้อด้วยเหตุผลด้านการเจรจาเท่านั้น แต่เขาแสดงความเห็นว่า ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดีในการประชุมที่จะมีขึ้น
-- รัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (G7) เห็นพ้องกันเมื่อวันพุธที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย เพื่อยุติสงครามกับยูเครน
รัฐมนตรีคลังกลุ่ม G7 ระบุในแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมทางออนไลน์ว่า ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องเพิ่มแรงกดดันสูงสุดต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ
-- มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 26-28 ต.ค. โดยคาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซียในวันที่ 31 ก.ค.ว่า ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนแล้ว
-- แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า แผนสันติภาพในฉนวนกาซาที่เสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างมีนัยสำคัญ
แหล่งข่าวระบุว่า ท่าทีตอบสนองของฮามาสจะขึ้นอยู่กับการแก้ไขและการชี้แจงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในประเด็นการยุติสงคราม และการถอนกำลังของอิสราเอล
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 271,000 บาร์เรล
-- เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.0 ในเดือนก.ย. จากระดับ 53.0 ในเดือนส.ค.
ดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าการจ้างงานดีดตัวขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ดัชนี PMI ปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ
-- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.1 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.0 จากระดับ 48.7 ในเดือนส.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ
-- ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวของการจ้างงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคบริการมีการจ้างงานลดลง 28,000 ตำแหน่ง
-- ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ (2 ต.ค.) มีดังนี้:-
เกาหลีใต้เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.และดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนส.ค.
ออสเตรเลียเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนส.ค. และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนส.ค.
สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.