ปริมาณการส่งออกแร่หายากของจีนในเดือนก.ย. ลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังรัฐบาลจีนคุมเข้มมาตรการควบคุมการส่งออกมากขึ้น ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและเพิ่มความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ
ข้อมูลจากศุลกากรจีนที่เผยแพร่ในวันนี้ (18 ต.ค.) ระบุว่า การส่งออกแร่หายากอยู่ที่ 6,538 ตันในเดือนก.ย. ลดลงจาก 7,338 ตันในเดือนส.ค. ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มก่อนหน้าที่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ในเดือนนี้ รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมใหม่ ขยายขอบเขตไปถึงสินค้าที่ผลิตนอกประเทศแต่มีส่วนประกอบเพียงเล็กน้อยที่มาจากวัตถุดิบแร่หายากของจีน มาตรการดังกล่าวถูกฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ วิจารณ์ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงด้านอุปทานทั่วโลก ขณะที่เจ้าหน้าที่จีนยืนยันว่าเป็นการตอบโต้ต่อข้อจำกัดทางการค้าที่สหรัฐฯ เพิ่มความเข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่ที่สุดของโลกเริ่มใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่บางชนิดตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดส่งออกลดลงชั่วคราว ก่อนจะฟื้นตัวในช่วงหลายเดือนต่อมา หลังสองประเทศตกลงลดความตึงเครียดชั่วคราวในข้อพิพาททางการค้า
อย่างไรก็ตาม มาตรการล่าสุดของจีนได้กระตุ้นให้หลายประเทศเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อตอบโต้ โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ของการร่วมมือระหว่างชาติพันธมิตร เพื่อรับมือกับการควบคุมของจีน ระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจโลกที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดการค้าทั่วโลกขณะนี้กำลังจับตาการพบปะระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นเร็ว ๆ นี้ โดยทั้งสองมีกำหนดหารือกันนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่จะจัดขึ้นที่เกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. ถึง 1 พ.ย.นี้ การพบปะดังกล่าวถูกมองว่าอาจเป็นโอกาสสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียดและขยายข้อตกลงชะลอการเก็บภาษีระหว่างสองประเทศต่อไป