สำนักงานสถิตินิวซีแลนด์รายงานในวันนี้ (13 พ.ย.) ว่า พลเมืองนิวซีแลนด์เดินทางออกจากประเทศมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในช่วง 12 เดือนจนถึงก.ย. เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาบีบให้คนจำนวนมากขึ้นต้องมองหางานที่มีรายได้ดีกว่าในต่างประเทศ
รายงานระบุว่า มีชาวนิวซีแลนด์เดินทางออกจากประเทศ 72,684 คนในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่มีพลเมืองเดินทางกลับเข้าประเทศ 26,318 คน ส่งผลให้ตัวเลขพลเมืองไหลออกสุทธิอยู่ที่ 46,366 คน ขณะที่การเดินทางเข้ามาของแรงงานต่างชาติทำให้ตัวเลขเข้าเมืองสุทธิรายปีเพิ่มขึ้น 12,434 คน แต่ลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุดที่ 135,529 คนในปี 2566
ทั้งนี้ เศรษฐกิจนิวซีแลนด์ไม่ขยายตัวในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และนักเศรษฐศาสตร์กังวลว่า การฟื้นตัวที่คาดหวังไว้ในช่วงครึ่งปีหลังยังเป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ลังเลที่จะจ้างงาน และอัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ชาวนิวซีแลนด์จำนวนมากจึงเลือกที่จะมองหาโอกาสในต่างแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศออสเตรเลีย ขณะเดียวกัน แรงงานต่างชาติเองก็คิดหนักมากขึ้นที่จะย้ายไปนิวซีแลนด์ เนื่องจากหางานยาก ส่งผลให้จำนวนคนเข้าประเทศสุทธิรายปีลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลสำหรับปีที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2568 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่ พบว่า ในบรรดาชาวนิวซีแลนด์ที่ออกนอกประเทศนั้น 58% ของทั้งหมดเดินทางไปออสเตรเลีย
กระแสการไหลออกของพลเมืองกลายเป็นแรงกดดันต่อนายกรัฐมนตรีคริสโตเฟอร์ ลักซอน ซึ่งยืนยันว่า รัฐบาลสายกลาง-ขวาของเขาบริหารเศรษฐกิจได้ดีกว่าพรรคฝ่ายค้าน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ โดยพรรคของเขามีคะแนนตามหลังในการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด ขณะที่นิวซีแลนด์มีกำหนดจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงปลายปี 2569