FSS เปิดเผยว่า สัดส่วนเงินกู้ที่ค้างชำระมากกว่า 1 วันอยู่ที่ 1.06% ณ สิ้นเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.08% จากเดือนก่อนหน้า
ภาคการธนาคารได้จัดการหนี้ค้างชำระมูลค่า 1.4 ล้านล้านวอน (1.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนก.ค. ซึ่งลดลงจากที่มีการตัดหนี้สูญ 5.4 ล้านล้านวอนในเดือนก่อนหน้า โดยเงินกู้ที่ค้างชำระรายใหม่ได้เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านล้านวอนในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.2 ล้านล้านวอนจากเดือนก่อนหน้า
สัดส่วนการผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.09% จากเดือนก่อนหน้า แตะ 1.18% ณ สิ้นเดือนก.ค. และตัวเลขการผิดนัดชำระหนี้ในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 0.07% แตะ 0.93% ในช่วงเวลาเดียวกัน
FSS ระบุว่าสัดส่วนหนี้เสียได้เพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. เนื่องจากผลกระทบจากฐานที่ต่ำซึ่งเป็นผลมาจากการจัดการเงินกู้จำนวนมากในเดือนก่อนหน่า โดยตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขในเดือนก.ค.ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี FSS เตือนว่าความเป็นไปได้อย่างมากเกี่ยวกับการยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของสหรัฐได้กระตุ้นการไหลเข้าและออกของเงินทุนต่างชาติในประเทศตลาดเกิดใหม่ และอาจส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศที่มีความอ่อนไหวต่อภาวการณ์ในต่างประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน