ในการสำรวจความเห็น นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตจะเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 55 จาก 54.6 ในเดือนก.ค. แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่แท้จริงได้พุ่งแตะ 57.2 ในเดือนดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2554
นายเจมส์ ไนท์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ในอังกฤษของธนาคารไอเอ็นจี กล่าวว่า “ตัวเลขดังกล่าวเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2554 เนื่องจากได้รับแรงผลักดันจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของยอดคำสั่งซื้อใหม่และปริมาณการผลิต ซึ่งปรับตัวขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษทั้งสองรายการ"
นายไนท์ลีย์กล่าวเสริมว่า “การจ้างงานอ่อนแรงลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อได้เริ่มก่อตัว และข้อมูลดังกล่าวยังได้รับแรงสนับสนุนจากรายงานของสมาคมผู้ผลิต อีอีเอฟ เมื่อคืนก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงผลผลิตและยอดสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง"
อัตราการขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2556 ยังปรับตัวดีขึ้นที่ระดับ 0.7% จากไตรมาสที่ 2 นายไนท์ลีย์กล่าว และระบุว่า อัตราการขยายตัวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายของปี
นายไนท์ลีย์กล่าวต่อไปว่า “ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราคาดว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะยังคงสามารถสร้างงานเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากดัชนี CPI ได้พุ่งทะลุระดับ 2% ไปเรียบร้อยแล้ว และการสำรวจความเห็นครั้งนี้ได้บ่งชี้ถึงการก่อตัวของแรงกดดันด้านราคา เราจึงไม่คิดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้าตามที่ธนาคารได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้"
ด้านนายจอห์น ซู นักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซีกล่าวว่า ดัชนี PMI บ่งชี้ถึงอัตราการขยายตัวของการผลผลิตและยอดคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่ปี 2537 แต่ก็ทำให้เกิดความวิตกกังวลที่ว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะพุ่งสูงขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน