แอร์บัสเปิดเผยรายงานคาดการณ์แนวโน้มตลาดการบินในช่วง 20 ปีข้างหน้า โดยระบุว่า อุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์ทั่วโลกจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องและมีความต้องการเครื่องบินโดยสารใหม่ที่มีความจุ 100 ที่นั่งขึ้นไป เพิ่มขึ้นราว 35,000 ลำในช่วงปี 2560 ถึงปี 2579 ในขณะที่การคมนาคมและขนส่งทางอากาศจะเติบโตที่ระดับเฉลี่ย 4.4% ต่อปีในช่วงเวลาดังกล่าว
รายงาน “Global Market Forecast 2017-2036" ของแอร์บัส ระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นอุปสงค์อากาศยานในช่วง 20 ปีข้างหน้านี้ มาจากการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว การเพิ่มจำนวนของผู้เดินทางด้วยเครื่องบินครั้งแรก การเปิดเส้นทางบินใหม่ๆของสายการบินทั่วโลก ตลอดจนการปรับโมเดลธุรกิจของสายการบินต่างๆ และการเปิดเสรีของอุตสาหกรรมการบิน
แอร์บัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากโบอิ้ง ยังคาดการณ์ด้วยว่า อุตสาหกรรมการบินจะมีความต้องการเครื่องบินโดยสารเพิ่มขึ้นจำนวน 34,170 ลำ ในช่วงสองทศวรรษข้างหน้า ขณะเดียวกันก็ต้องการเครื่องบินขนส่งเพิ่มขึ้น 730 ลำ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจำนวนนี้เป็นเครื่องบินโดยสารแบบลำตัวแคบหรือมีช่องทางเดินเดียว ในสัดส่วนกว่า 70%
แอร์บัส ระบุว่า ความต้องการจัดซื้อเครื่องบินลำตัวแคบอย่างเครื่องบินแอร์บัสตระกูล A320neo นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 24,810 ลำ คิดเป็นมูลค่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารแบบมีช่องทางเดินคู่หรือลำตัวกว้างอย่างเครื่องบินแอร์บัสตระกูล A330, A350 XWB และ A380 นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 10,100 ลำ คิดเป็นมูลค่า 2.9 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ การขยายขนาดของฝูงบินพาณิชย์ในช่วงสองทศวรรษข้างหน้า จะทำให้ตลาดมีความต้องการนักบินใหม่เพิ่มขึ้น 530,000 ตำแหน่ง และวิศวกรซ่อมบำรุงอีก 550,000 ตำแหน่ง ขณะที่แอร์บัสมีแผนจะขยายเครือข่ายศูนย์ฝึกอบรมระดับโลกเพิ่มจาก 5 แห่ง เป็น 16 แห่ง ภายในระยะเวลา 3 ปี
แอร์บัสระบุในรายงานด้วยว่า ประเทศที่มีการขยายตัวของการจราจรทางอากาศสูงที่สุดในโลกนั้น เป็นประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย และภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยในปัจจุบัน ตลาดเกิดใหม่เหล่านี้มีจำนวนประชากรรวมกันถึง 6.4 พันล้านคน และมีแนวโน้มจะครองสัดส่วนการบริโภคเกือบ 50% ของโลกภายในปี 2579