World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 13 มิถุนายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 13, 2018 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อแถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งมีความคลุมเครือและยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกหลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น

-- นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งได้แสดงความไม่มั่นใจต่อผลการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยนายแอนดรูว์ กิลโฮล์ม ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียเหนือของคอนโทรล ริสค์ กล่าวว่า แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่สั้น, คลุมเครือ และขาดรายละเอียด ขณะที่เกาหลีเหนือก็ไม่ได้แสดงความมุ่งมั่นครั้งใหม่ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์

ขณะที่นายพารัก คานนา นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู มองว่า แถลงการณ์ในการประชุมดังกล่าวไม่ได้ให้คำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ โดยปธน.ทรัมป์มองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์ คือการที่เกาหลีเหนือจะไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป แต่สำหรับนายคิมมองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะต้องแลกกับการที่สหรัฐถอนทหารจนหมดจากเกาหลีใต้

-- นักลงทุนในตลาดการเงินต่างก็จับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 223,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%

-- สำนักข่าว KCNA ซึ่งเป็นสื่อของทางเกาหลีเหนือรายงานในวันนี้ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เห็นพ้องกันที่จะให้การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และต่อเนื่อง

รายงานของสำนักข่าว KCNA ระบุว่า ในระหว่างการเจรจาอย่างสันติกับผู้นำเกาหลีเหนือนั้น ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความตั้งใจที่จะยุติการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรุกรานประเทศของตน

-- นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้สรุปการประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขาและผู้นำเกาหลีเหนือให้แก่นายอาเบะ และได้กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันเกี่ยวกับประเด็นชาวญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปก่อนหน้านี้

ทางด้านนายอาเบะคาดหวังว่าเขาจะสามารถจัดการประชุมกับนายคิม หลังจากที่เขาได้ศึกษาผลการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ

-- นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ประชาคมระหว่างประเทศควรให้การสนับสนุนการดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือในการปลดอาวุธนิวเคลียร์จากคาบสมุทรเกาหลี

"ตามที่ท่านเลขาธิการระบุในจดหมายต่อผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือก่อนการประชุมสุดยอดก็คือ หนทางข้างหน้าจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือ, การประนีประนอม และการมีความเข้าใจตรงกัน ขณะที่การดำเนินการตามข้อตกลงต้องใช้ความอดทน และได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก" นายสเตเฟน ดูจาร์ริค โฆษกของนายกูเตอร์เรสกล่าว

-- บริษัทเทสลา มอเตอร์ส ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศปลดพนักงาน 9% ในการปรับโครงสร้างบริษัททั่วโลก

นายอีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ทวีตข้อความระบุว่า การปลดพนักงานดังกล่าวถือเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็มีความจำเป็น เพื่อให้บริษัทไม่ต้องดำเนินการเช่นนี้อีกในอนาคต

นับตั้งแต่ต้นปีนี้ เทสลาได้เพิ่มการจ้างงาน 8,000 ตำแหน่ง และขณะนี้มีการว่าจ้างพนักงานราว 46,000 ตำแหน่งทั่วโลก ขณะที่บริษัทมีแผนลดการจ้างงาน 4,100 ตำแหน่ง

-- ซาอุดิอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนพ.ค. หลังมีรายงานว่าสหรัฐได้เรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยกับปริมาณน้ำมันที่ลดลงจากอิหร่าน เนื่องจากถูกสหรัฐคว่ำบาตร

ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมัน 161,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. ส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันมากกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่เข้าใกล้เพดานการผลิตที่มีการตกลงกันในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานเมื่อวานี้ โดยระบุว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ, ระดับหนี้ที่พุ่งขึ้น และความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นและตลาดการเงิน ท่ามกลางแนวโน้มการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ถือเป็นความท้าทายซึ่งจะส่งผลกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ โอเปกได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของปริมาณน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่มโอเปก โดยปรับเพิ่มขึ้น 130,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ประเทศนอกกลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันรวม 1.86 ล้านบาร์เรล/วัน โดยสูงกว่าระดับเฉลี่ยในปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน โอเปกยังคงตัวเลขแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่ระดับ 98.85 ล้านดอลลาร์/วัน โดยเพิ่มขึ้น 1.65 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

-- แมนพาวเวอร์ กรฺ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดหางาน ระบุว่า ความเชื่อมั่นในการจ้างงานในภาคการเงินของสหราชอาณาจักรได้ดิ่งลงติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2551

แมนพาวเวอร์ กรฺ๊ปเปิดเผยว่า ผลการสำรวจแนวโน้มความต้องการจ้างงานในภาคการเงินสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้อยู่ที่ระดับ -1% ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการเงินต้องการลดการจ้างงาน มากกว่าการเพิ่มการจ้างงานในช่วงฤดูร้อนนี้

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนเม.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าจับตาในวันนี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ของอังกฤษ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. ของสหรัฐ

สำหรับในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ค. ของออสเตรเลีย ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ของจีน อังกฤษ และสหรัฐ และดัชนี CPI เดือนพ.ค. ของเยอรมนี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ