World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 4 กันยายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 4, 2018 08:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนทั่วโลกจับตาประเด็นการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเดินหน้าตามแผนเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ในสัปดาห์นี้

โดยแหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์กล่าวกับคนสนิทของเขาว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้

ทั้งนี้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ก็เท่ากับว่าสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งจากสินค้าที่นำเข้าจากจีนทั้งหมดในแต่ละปี

-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งน้อยกว่าที่ธนาคารกลางได้ประมาณการไว้เมื่อเดือนก.ค.ว่ามีการขยายตัว 0.7% นอกจากนี้ GDP ไตรมาส 2 ยังชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ซึ่งมีการขยายตัวที่ระดับ 1% โดยมีสาเหตุมาจากตัวเลขการลงทุนด้านการก่อสร้างที่ซบเซาลง

หากเทียบเป็นรายปี GDP ไตรมาส 2 ของเกาหลีใต้ขยายตัว 2.8%

-- ธนาคารกลางตุรกีส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ หลังจะดำเนินการทบทวนนโยบายการเงินในการประชุมเดือนนี้ เพื่อควบคุมความเสี่ยงต่อเสถียรภาพราคา หลังจากมีการเปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 15 ปี

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของตุรกีพุ่งแตะระดับ 17.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2546 ขณะเดียวกันการทรุดตัวของสกุลเงินลีราราว 40% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ เป็นสาเหตุทำให้ราคาสินค้าพุ่งขึ้น และทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะลุกลามในระบบเศรษฐกิจ

ธนาคารกลางตุรกีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 17.75% ในการประชุมเดือนที่แล้ว ซึ่งสร้างความประหลาดใจต่อนักลงทุน และส่งผลให้ลีราดิ่งลงอย่างหนัก อย่างไรก็ดี การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางตุรกี จะถือเป็นการดำเนินการที่สวนทางกับนโยบายของนายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ที่ต้องการให้ธนาคารกลางตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

-- ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี ของอาร์เจนตินา ประกาศเรียกเก็บภาษีการส่งออกครั้งใหม่ รวมทั้งยุบบางกระทรวง เพื่อยุติความผันผวนทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังจะจัดสรรงบประมาณมากขึ้นสำหรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และขยายโครงการให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่ประชาชนที่ยากจน สำหรับสร้างเสถียรภาพในตลาด และฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชน

ผู้นำอาร์เจนตินากล่าวว่า การที่เขาเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าส่งออก เนื่องจากผู้ส่งออกมีความสามารถมากกว่ากลุ่มอื่นในการสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเปโซ นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลจะยุบกระทรวงราวครึ่งหนึ่ง แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด

-- ชีคห์ โมฮัมเหม็ด บิน คาลิฟา อัล คาลิฟา รมว.น้ำมันของบาห์เรน กล่าวว่า ผู้ผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางเป็นกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อุปสงค์น้ำมันจะลดลงในจีน มากกว่าที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจะลดลงอันเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ความต้องการใช้น้ำมันของจีนลดลงจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดน้ำมัน

ทั้งนี้ จีนได้เพิ่มการนำเข้าน้ำมันเล็กน้อยในเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับลดลงติดต่อกัน 2 เดือน แต่การนำเข้าน้ำมันของจีนยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในปีนี้ เนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นอิสระรายย่อยของจีนมีความต้องการน้ำมันลดลง

-- ค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปีเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ธนาคารกลางเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราและตลาดพันธบัตร ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายรูเปียห์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณ และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

ค่าเงินรูเปียห์ร่วงลงแตะ 14,777 เทียบดอลลาร์ เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2541 และดิ่งลง 8.93% จากต้นปีนี้ ส่งผลให้รูเปียห์อยู่ในกลุ่มสกุลเงินที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาค

ด้านนายเองการ์เทียสโต ลูคิตา รมว.การค้าอินโดนีเซีย กล่าวว่า รูเปียห์ได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนหันกลับไปถือครองดอลลาร์ ซึ่งทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ขณะที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า พันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซียจำนวน 41% อยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งหากรูเปียห์อ่อนค่าลงต่อไป ก็จะส่งผลให้รัฐบาลต้องใช้เงินรูเปียห์มากขึ้นในการชำระหนี้พันธบัตร

-- นายหลิว เฉียงตง หรือ ริชาร์ด หลิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท JD.com ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน รองจากอาลีบาบา ได้ถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐจับกุมตัวในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในระหว่างเดินทางไปทำธุรกิจในสหรัฐ

ล่าสุด ทางบริษัทออกแถลงการณ์ระบุว่า นายหลิวได้เดินทางกลับถึงจีนแล้ว โดยข้อกล่าวหาต่อนายหลิวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด และตำรวจสหรัฐก็ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดต่อนายหลิว

ทั้งนี้ มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อนายหลิวก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่เขาจะได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายวันเสาร์

-- กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นประกาศเตือนว่า พายุไต้ฝุ่นเชบี ซึ่งอาจเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 25 ปี กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งทางตอนใต้ของญี่ปุ่น และคาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งบริเวณตะวันตกของประเทศในวันนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดลมกรรโชกแรง, คลื่นลมแรง และฝนตกหนัก

เบื้องต้นคาดการณ์กันว่าสายการบินต่างๆจะพากันยกเลิกเที่ยวบินจำนวนไม่ต่ำกว่า 600 เที่ยว ขณะที่การเดินรถไฟก็จะมีการยกเลิกเช่นกันเพื่อป้องกันอันตรายจากไต้ฝุ่นดังกล่าว

นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยายังระบุด้วยว่า ภูมิภาคชิโกะกุและคิงกิอาจต้องเผชิญกับอิทธิพลของลมกระโชกแรง 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงลมกระโชกแรงถึง 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่จะพัดผ่านหลายพื้นที่ ซึ่งรวมถึงภูมิภาคโทโฮกุ โตไก และโฮคุริคุ

-- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ทางด้านสหรัฐจะเปิดเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสรางเดือนก.ค. ยอดขายรถยนต์เดือนส.ค. และดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ออสเตรเลียจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ด้านจีนจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากไฉซิน ขณะที่ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิต เช่นเดียวกับอียูที่จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิตและยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ส่วนสหรัฐเตรียมเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ค. และดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ