จีนได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่ต้องการจะจัดการเจรจากับสหรัฐ เพื่อหาทางแก้ปัญหาสงครามการค้าที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ตราบใดที่ทางสหรัฐยังคงเดินหน้าใช้มาตรการเรียกเก็บภาษี
นายหวัง โชเหวิน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์จีน ซึ่งทำหน้าที่ในการเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าวว่า จีนจะไม่เริ่มการเจรจากับสหรัฐอีกตราบใดที่สหรัฐไม่แสดงความจริงใจและยอมรับความสัมพันธ์แบบให้ผลประโยชน์เท่าๆ กัน
โดยก่อนหน้านี้ ทางสหรัฐและจีนได้วางแผนที่จะจัดการเจรจาระดับรัฐมนตรีในสหรัฐช่วงปลายเดือนนี้ แต่นายหวังเปิดเผยว่า จีนจะไม่เจรจาในเร็วๆ นี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งใหม่ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าเป็นครั้งที่ 3 นี้ ทำให้ปัจจุบันสหรัฐได้เรียกเก็บภาษีจากจีนประมาณครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากจีนในแต่ละปี
ในวันเดียวกัน จีนก็บังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐครั้งใหม่วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า ณ ปัจจุบัน ทางการจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มเติมคิดเป็นกว่า 80% ของสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากสหรัฐเมื่อนับรวมจากครั้งก่อนๆ
ขณะเดียวกัน นายเหลียน เหว่ยเหลียง รองประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) กล่าวในการแถลงข่าวอีกงานว่า จีนสามารถควบคุมผลกระทบที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจจีนเนื่องจากสงครามการค้ากับสหรัฐได้
นายเหลียน ผู้ซึ่งจับตานโยบายเศรษฐศาสตร์มหภาคกล่าวว่า จีนจะสนับสนุนอุปสงค์ภายในประเทศโดยการสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพื่อชดเชยความต้องการส่งออกที่อาจจะลดลงอันเนื่องมาจากสงครามการค้า