World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 29, 2018 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 617.70 จุด หรือ 2.50% เมื่อคืนนี้ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า การเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนซึ่งจะมีขึ้นนอกรอบการประชุม G20 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ จะช่วยยุติสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์กเมื่อวานนี้ว่า "อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบตามมาตรฐานในช่วงที่ผ่านมา และอยู่ต่ำกว่าเพียงเล็กน้อยจากระดับที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้กระตุ้น หรือชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจ"

นอกจากนี้ นายพาวเวลยังเปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ไม่ได้มีการกำหนดนโยบายล่วงหน้าว่าอัตราดอกเบี้ยควรอยู่ในระดับใด และจะทำการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจ และสภาวะทางการเงิน ส่วนในเรื่องตลาดหุ้นนั้น นายพาวเวลกล่าวว่า ราคาหุ้นในขณะนี้อยู่ในระดับปกติ และเฟดไม่ได้เห็นความอันตรายที่เกิดจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมากเกินไป

นักลงทุนมองว่า ความเคลื่อนไหวของนายพาวเวลถือเป็นส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ การแสดงความเห็นครั้งล่าสุดของนายพาวเวลยังแตกต่างจากในเดือนต.ค.ซึ่งเขากล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับที่เป็นกลาง ซึ่งการแสดงความเห็นในครั้งนั้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนมองว่านายพาวเวลส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

-- หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าเป็นเวลานานกับจีนที่จะมีต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งความกังวลดังกล่าวอาจทำให้ปธน.ทรัมป์มีท่าทีประนีประนอมในการเจรจาการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 ที่อาร์เจนตินาในปลายสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง มีกำหนดหารือและรับประทานอาหารเย็นร่วมกันในวันเสาร์นี้ โดยปธน.ทรัมป์จะเน้นเจรจาในประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา, กรรมสิทธิ์ของบริษัทสหรัฐในจีน และการตั้งกำแพงการค้าทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับภาษี

นอกจากนี้ นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง อาจบรรลุข้อตกลงทางการค้าในการหารือร่วมกันในวันเสาร์นี้

-- ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้เปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) เมื่อคืนนี้ โดยมีเนื้อหาว่า ระบบธนาคารของอังกฤษจะเอาตัวรอดจากผลกระทบของการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ได้ แม้ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด

นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BoE แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า Brexit เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในแง่ของเศรษฐกิจ

"ตามที่ผลการทดสอบภาวะวิกฤตนี้แสดงให้เห็น ระบบการเงินของเรามีความแข็งแกร่ง โดยธนาคารรายใหญ่ ๆ ต่างมีอัตราส่วนเงินกองทุนมากกว่าช่วงก่อนวิกฤติการเงินถึง 3.5 เท่า" นายคาร์นีย์กล่าว

ผู้ว่าการ BoE กล่าวเสริมว่า "เมื่อเปรียบเทียบกับผลการทดสอบภาวะวิกฤตปี 2561 แล้ว ทางคณะกรรมการ FPC เชื่อว่า ระบบธนาคารของสหราชอาณาจักรมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับ... ในกรณีที่เกิดการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างไม่เป็นระเบียบ"

-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเตือนว่า เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงมากกว่าระดับคาดการณ์ในเดือนที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า ทุกประเทศควรยุติสงครามการค้าที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ IMF ได้เปิดเผยรายงานก่อนการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนส ไอเรสจะเปิดฉากขึ้น โดย IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในเดือนที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า ภาวะทางการเงินเริ่มตึงตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ขณะที่สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.5% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ต่ำกว่าระดับ 4.2% ในไตรมาส 2

การขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการลงทุนในภาคธุรกิจ แต่ก็ยังถูกกดดันจากการทำสงครามการค้ากับจีน

-- เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ในฐานะประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ พร้อมด้วยเจ้าหญิงแคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายา ได้เสด็จเยือนสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ในวันนี้ เพื่อไว้อาลัยนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และผู้เสียชีวิตอีก 4 คน หลังเฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ประสบอุบัติเหตุตกลงสู่ข้างสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียมเมื่อเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีนยังได้พบกับนางเอมอร ศรีวัฒนประภา ภรรยาของนายวิชัย และนายอัยยวัฒน์ รองประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และบุตรชายของนายวิชัย รวมทั้งนักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่ของสโมสร

-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 769,000 บาร์เรล

EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 764,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 640,000 บาร์เรล

-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน โดยระบุว่า ความตึงเครียดทางการค้า ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการก่อหนี้ของภาคเอกชนที่มีงบดุลบัญชีอ่อนแอ จะทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง

รายงานยังเตือนเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ที่พุ่งขึ้น และอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับสถิติในช่วงที่ผ่านมา

-- นิตยสาร Politico รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาเต็มใจที่จะให้หน่วยงานรัฐบาลกลางต้องถูกปิดการดำเนินงาน (ชัตดาวน์) อันเนื่องจากการขาดงบประมาณ ถ้าหากสภาคองเกรสไม่อนุมัติงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก

ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า งบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ เป็นเพียงงบประมาณสำหรับการก่อสร้างตัวกำแพง แต่เขายังคงต้องของบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน

-- ประธานาธิบดีเปโดร โปโรเชงโค ผู้นำยูเครน ออกโรงเตือนรัสเซียว่าจะเผชิญผลกระทบที่ร้ายแรง หากทำการโจมตียูเครน

นายโปโรเชงโคกล่าว หลังจากที่รัสเซียได้ยิงเรือ 3 ลำของยูเครนใกล้กับช่องแคบเคิร์ชในทะเลดำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และได้ยึดเรือดังกล่าวพร้อมกับลูกเรือ โดยอ้างว่ายูเครนได้รุกล้ำน่านน้ำของรัสเซีย

"เราจะสู้เพื่อเสรีภาพของเรา เราจะสู้เพื่อประชาธิปไตยของเรา เราจะสู้เพื่อแผ่นดินของเรา และรัสเซียจะต้องจ่ายในราคาแพง หากทำการโจมตีเรา" นายโปโรเชงโคกล่าว

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ โดย ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.จากสมาคมอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยแห่งออสเตรเลีย (HIA) เยอรมนีเตรียมเปิดเผยอัตราว่างงานและอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนพ.ย. ขณะที่อียูจะเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. และสหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. รวมถึงรายงานการประชุมวันที่ 7-8 พ.ย. ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะมีการเปิดเผยออกมาในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาไทย

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เตรียมเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ขณะจีนเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย. ส่วนเยอรมนีจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ทางด้านอียูจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค. และอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ