World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2561

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 12, 2018 17:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลแคนาดาได้อนุญาตให้ประกันตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ หลังจากอดีตเพื่อนร่วมงานและครอบครัวของนางเมิ่งได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดและบ้านในการขอประกันตัว มูลค่ารวม 7.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานเดือนต.ค. ซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น 7.6% จากเดือนก่อนหน้า แตะที่ระดับ 8.632 แสนล้านเยน (ประมาณ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐกล่าวว่า ตนยินดีที่จะปล่อยให้หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องถูกปิดทำการ หรือ "ชัตดาวน์" เพื่อแลกกับความมั่นคงชายแดน ในระหว่างการหารือกับแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า พร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี หากจะช่วยให้บรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้

-- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะขยายตัว 5.1% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อน โดยคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวจะได้ปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของการอุปโภคบริโภค และการลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน

ADB ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลงสู่ระดับ 4.3% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.5% หลังจากเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 3.3% ซึ่งชะลอลงจากไตรมาส 2 ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 4.6%

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ โดยดัชนี PPI ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 23

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมาขู่อีกครั้งว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น

สำนักข่าวเกียวโดงานว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การที่คณะทำงานของเขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (EU) หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับทั้งสองฝ่าย

-- นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า สหรัฐได้ระบุชื่อจีน เกาหลีเหนือ เมียนมา และประเทศอื่นๆอีก 7 ประเทศว่า ริดรอนเสรีภาพในการนับถือศาสนา

สำหรับประเทศอื่นๆอีก 7 ประเทศประกอบด้วย เอริเทรีย อิหร่าน ปากีสถาน ซูดาน ซาอุดีอาระเบีย ทาจิกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน โดยการประกาศรายชื่อครั้งนี้ดำเนินการภายใต้กฎหมาย International Religious Freedom Act ปี 2541

-- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่า ยอดนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 10.43 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยยอดนำเข้าน้ำมันดิบเดือนพ.ย.ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นครั้งแรกที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน

-- นายซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของบริษัทกูเกิล ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการยุติธรรมแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า กูเกิลไม่มีแผนที่จะกลับมาเปิดตัวเสิร์ชเอ็นจิ้นในจีนอีกครั้ง แม้ว่ากูเกิลยังคงศึกษาแนวทางดังกล่าวก็ตาม

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า อัตราว่างงานในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 3.2% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามสร้างงานใหม่เพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า ตนพร้อมที่จะยืนอยู่ฝ่ายมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย แม้สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ประเมินว่ามกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียเป็นผู้สั่งการให้สังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับมีคำเรียกร้องจากวุฒิสภาให้ประณามผู้นำซาอุดีอาระเบียก็ตาม

-- หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า เหตุการณ์แฮกเกอร์ลักลอบเจาะฐานข้อมูลการสำรองห้องพักของลูกค้าโรงแรมสตาร์วูด ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนลนั้น เป็นฝีมือของแฮกเกอร์ที่ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองจีน

-- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคอนุรักษ์นิยมเตรียมลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในวันนี้ หลังจากส.ส.พรรคอย่างน้อย 48 คนได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เธอลาออกจากตำแหน่ง

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวแสดงความเห็นว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) และน้ำมันดิบเบรนท์ทั้งในปีนี้และปีหน้า

EIA ได้เปิดเผยรายงาน "Short-term Energy Outlook" โดยคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI โดยเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 65.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.4% จากรายงานคาดการณ์ในเดือนพ.ย. และคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI ในปีหน้าจะอยู่ที่ 54.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 16.4% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

EIA ยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้จะอยู่ที่ 71.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.3% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีหน้าจะอยู่ที่ 61 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 15.2% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียรายงานในวันนี้ว่า ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (IPI) ขยายตัว 4.2% ในเดือนต.ค. โดยได้ปัจจัยหนนุจากการเพิ่มขึ้นของดัชนีทุกประเภท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ