ภาคธุรกิจของอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเสนอร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ฉบับใหม่ หลังรัฐสภาอังกฤษได้โหวตคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้
นางแคทเธอรีน แมคกินเนสส์ ประธานฝ่ายนโยบายของบริษัท ซิตี้ ออฟ ลอนดอน คอร์ปอเรชั่น ได้ทวีตข้อความในวันนี้ว่า "การที่รัฐสภาปฏิเสธร่างข้อตกลง Brexit ส่งผลให้ภาคธุรกิจทั่วประเทศต้องเผชิญกับความผันผวน"
นางแมคกินเนสส์ กล่าวว่า "รัฐบาลต้องเร่งใช้ "แผนสำรอง" เพื่อสร้างหลักประกันว่าเราจะสามารถจัดทำข้อตกลงที่เหมาะสมได้ ก่อนถึงกำหนดแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค."
นางแคโรลีน แฟร์เบร์น ผู้อำนวยการสมาพันธ์ภาคอุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) กล่าวว่า "ธุรกิจทุกภาคส่วนต่างวิตกกังวลว่าภาวะ No Deal Brexit กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ฉะนั้น รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแผนสำรองทันที"
นางแฟร์เบร์นยังกล่าวอีกด้วยว่า นี่คือเวลาที่เหล่านักการเมืองจะต้องสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้นำที่ดี "สมาชิกสภาทุกท่านต้องตระหนักถึงการประนีประนอม และต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ"
นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจในอังกฤษต่างก็มีความวิตกกังวลไม่แพ้กัน
นายไมเคิล สโตร์เบก ประธานฝ่ายการลงทุนระดับโลกของ Credit Suisse ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า "ประชาชน ภาคธุรกิจ และตลาดการเงินในอังกฤษต้องการความแน่นอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปในอนาคต"
"การโหวตคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ของรัฐสภาในคืนนี้ได้สร้างความผันผวนให้กับประเทศของเราอย่างยิ่ง" นายสโตร์เบกกล่าว
รัฐสภาอังกฤษได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 432 ต่อ 202 เสียง ปฏิเสธร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากสมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายประเด็นดังกล่าวเป็นเวลา 5 วัน
ทั้งนี้ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีเวลา 3 วันในการนำเสนอแผน Brexit ฉบับใหม่ต่อรัฐสภา
ทางด้านนายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ได้ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายกฯเมย์ หลังจากที่ร่างข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีขึ้นในสภาสามัญชน ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
หากผลการอภิปรายครั้งนี้ปรากฎว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯเมย์ไม่ได้รับความไว้วางใจ ก็อาจส่งผลให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในอังกฤษ