World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 26 กันยายน 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 26, 2019 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้น 162.94 จุด หรือ 0.61% เมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไนกี้ และรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนส.ค.

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดไว้

"จีนจะไม่มีทางตามเราทัน ถ้าเรามีผู้นำที่ฉลาด เรามีรายได้เข้ามาหลายล้านล้านดอลลาร์ และพวกเขาสูญเสียหลายล้านล้านดอลลาร์ ทำให้พวกเขาต้องการทำข้อตกลงเป็นอย่างมาก โดยสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คุณคิดไว้" ปธน.ทรัมป์กล่าว

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 7.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 713,000 ยูนิต และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 660,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 666,000 ยูนิตในเดือนก.ค. โดยยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

ส่วนสต็อกบ้านใหม่ลดลงสู่ระดับ 326,000 ยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว

-- ทำเนียบขาวได้เผยแพร่บันทึกข้อความการสนทนาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ซึ่งนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศการเริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ เพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว NBC รายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายเซเลนสกี เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาโต้ข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า "ผมไม่ได้ขู่ใคร ไม่มีการกดดัน ผมไม่ได้ทำอะไรเลย"

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเบื้องต้นระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่น ร่วมกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในพิธีที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ที่ อาคารสหประชาชาติในนครนิวยอร์ก

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยเปิดตลาดญี่ปุ่นให้กับสินค้าเกษตรจากสหรัฐมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจะปรับลด หรือยกเลิกอัตราภาษีสำหรับสินค้าบางอย่าง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ข้าวโพด และไวน์

ปธน.ทรัมป์กล่าวเสริมว่า สหรัฐและญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะมีการซื้อขายออนไลน์มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกับระบุว่า ข้อตกลงที่มีการลงนามในวันนี้จะบ่งชี้ขั้นตอนไปสู่การทำข้อตกลงการค้าที่มีความเป็นธรรม และให้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นนับเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่เป็นอันดับ 4 ของสหรัฐในปีที่แล้ว

-- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้ประกาศเปิดตัวสนามบินนานาชาติปักกิ่งต้าชิงมูลค่า 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งพร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ก่อนหน้าวันครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

โครงการแห่งนี้มีมูลค่า 4.5 แสนล้านหยวน (6.3 หมื่นล้านดอลลาร์) และเสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐาน ท่ามกลางการชะลอตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ในขณะที่จีนและสหรัฐยังคงมีข้อพิพาททางการค้า

สนามบินแห่งใหม่ถูกยกย่องว่าเป็น "แหล่งการพัฒนาแห่งใหม่ที่ทรงพลัง" ในพิธีเปิดซึ่งประธานาธิบดีสีและข้าราชการระดับสูง อาทิ นายฮี ลิเฟ็ง ประธานคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูป และนายหาน เจิ้ง รองนายกรัฐมนตรี นาย เข้าร่วมงาน

-- ในสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.นั้นเป็นวันหยุดประจำชาติของจีน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นช่วงเวลาที่การท่องเที่ยวและการค้าปลีกของฮ่องกงมีความคึกคักมากที่สุด แต่เนื่องจากการประท้วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 17 จึงมีการคาดการณ์ว่า กรุ๊ปทัวร์ชาวจีนจะร่วงลง 86% เทียบรายปี ส่วนราคาตั๋วเครื่องบินจะถูกลง 38% เทียบรายปี และโรงแรมหรือที่พักจะมีการจองเพียง 30% เท่านั้น

-- ทางการจีนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจและคัดค้านอย่างรุนแรง ต่อกรณีที่คณะกรรมาธิการสภาคองเกรสของสหรัฐได้ทำการอนุมัติร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกงประจำปี 2562 เมื่อวานนี้ โดยจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐยุติการแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ว่า กฎหมายดังกล่าวทำให้เกิดความสับสนว่าสิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด โดยไม่สนใจกับข้อเท็จจริง อีกทั้งเป็นการสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงในฮ่องกง และแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างมาก

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจจะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยสถาบัน GfK เตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของเยอรมนี ขณะที่สหรัฐเตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ จีนเตรียมเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ