World Today: สรุปประเด็นน่าติดตามประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2562

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 24, 2019 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระแสชาตินิยมที่กำลังแพร่สะพัดในจีนแผ่นดินใหญ่ขณะนี้อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับแบรนด์ต่างชาติ หลังจากที่จีนเลิกจำหน่ายสินค้าในเครือของสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติสหรัฐ (NBA) เนื่องจากพบว่าผู้บริหารของสมาคมได้ออกมาสนับสนุนกรประท้วงในฮ่องกง ขณะเดียวกัน การทำสงครามการค้าที่ยืดเยื้อได้ก่อให้เกิดกระแสการต่อต้านสินค้าจากสหรัฐ ซึ่งทำให้ผู้ผลิตต่างวิตกกังวลกับสถานการณ์ดังกล่าว

แบรนด์สินค้าชื่อดังของสหรัฐอย่างโค้ช (Coach) และคาวิน ไคล์น (Calvin Klein) ได้ออกมากล่าวคำขอโทษหลังจากที่ผลิตภัณฑ์บางตัวของแบรนด์ก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจในกลุ่มลูกค้าชาวจีน ขณะที่ซีอีโอของดิสนีย์ได้ออกมากล่าวว่า เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกรณีการเมืองในจีน

-- จับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐ โดยล่าสุด ไมโครซอฟท์เปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น แต่รายได้จากผลิตภัณฑ์ Azure ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2562

ส่วนที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดก็คือ เทสลา มอเตอร์ เปิดเผยกำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 143 ล้านดอลลาร์ หรือ 80 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า เทสลาจะขาดทุนราว 46 เซนต์ต่อหุ้น

-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อตุรกี หลังจากที่ตุรกีได้ทำการหยุดยิง และยุติการโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดทางตอนเหนือของซีเรีย แต่ก็ได้กล่าวเตือนว่า หากตุรกีโจมตีชาวเคิร์ดอีกครั้ง สหรัฐก็พร้อมที่จะทำการคว่ำบาตรอีกระลอก

คำกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่กองทัพรัสเซียได้เคลื่อนตัวไปยังทางตอนเหนือของซีเรียเพื่อให้การสนับสนุนการถอนตัวของกองกำลังชาวเคิร์ดออกจากบริเวณดังกล่าว ขณะที่ทหารรัสเซียจะลาดตระเวนตามแนวชายแดนระหว่างซีเรียและตุรกี

-- นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ Brexit อย่างใกล้ชิด หลังจากสมาชิกสภาล่างของอังกฤษลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือ Withdrawal Agreement Bill ของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แต่ในการลงมติต่อตารางเวลาในการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Brexit ซึ่งรัฐบาลให้เวลาเพียง 3 วันนั้น สภาล่างมีมติไม่เห็นชอบต่อตารางเวลาดังกล่าว

ผลการลงมติที่ออกมาเช่นนี้ บ่งชี้ว่า อังกฤษจะไม่สามารถแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ตามกำหนดเดิมภายในวันที่ 31 ต.ค. ส่งผลให้ EU จะต้องให้การอนุมัติขยายเส้นตาย Brexit ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้อังกฤษแยกตัวจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)

-- แคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ แคทเธอร์ พิลลาร์ระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.66 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.88 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 1.2758 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3572 หมื่นล้านดอลลาร์

-- บริษัทโบอิ้งเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรในไตรมาส 3 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่รายได้สูงกว่าคาด แต่ก็ลดลงถึง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.45 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.09 ดอลลาร์/หุ้น

-- รัฐสภาฮ่องกงได้ทำการถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวได้จุดปะทุความไม่พอใจต่อชาวฮ่องกงจนลุกลามกลายเป็นการก่อการจลาจลนานกว่า 5 เดือน

รัฐบาลฮ่องกงได้ยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในเดือนเม.ย. ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ ก็จะทำให้รัฐบาลฮ่องกงสามารถส่งตัวผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาไปยังประเทศหรือดินแดนที่ฮ่องกงไม่ได้มีการทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เช่น จีน ไต้หวัน และมาเก๊า

อย่างไรก็ดี ชาวฮ่องกงมองว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะทำให้รัฐบาลส่งตัวผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองไปรับการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรมในจีน

-- Nasdaq Inc ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการตลาดหุ้น Nasdaq เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีผลประกอบการดีกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจให้บริการข่าวและข้อมูลแก่เทรดเดอร์

ทั้งนี้ Nasdaq ระบุว่า บริษัทมีกำไร 1.27 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.21 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 5.3% สู่ระดับ 632 ล้านดอลลาร์

-- นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้

ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 94.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้

-- นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในวันนี้ โดยมาร์กิตเตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.ของฝรั่งเศส เยอรมนี อียู และสหรัฐ ขณะที่สหรัฐเองนั้น เตรียมเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ เยอรมนีเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากสถาบัน GfK และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนต.ค.จากสถาบัน Ifo ทางด้านสหรัฐเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ