สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐหรือชัตดาวน์ภายในวันศุกร์นี้
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสามารถเปิดทำการไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563 และได้ส่งต่อร่างกฎหมายดังกล่าวให้วุฒิสภา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องทำการลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าวภายในวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค.นี้ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลง
ร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวจะยังคงกำหนดค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐและเม็กซิโกไว้ในระดับปัจจุบันที่ 1.375 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่ปธน.ทรัมป์ต้องการอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวยังยกเลิกการกำหนดภาษีในกฎหมาย Affordable Care Act ซึ่งเป็นกฎหมายประกันสุขภาพที่สมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมากถือเป็นความสำเร็จทางด้านกฎหมายครั้งใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายใหม่ดังกล่าวยังรวมถึงมาตราต่างๆ อาทิ การเพิ่มอายุของผู้ซื้อบุหรี่เป็น 21 ปี และการให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยเรื่องความรุนแรงในการใช้ปืน และอื่นๆ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายไมเคิล เอ ปีเตอร์สัน ซีอีโอของมูลนิธิปีเตอร์ จี. ปีเตอร์สันกล่าวว่า ข้อตกลงงบประมาณระหว่างปธน.ทรัม์และสภาคองเกรสจะเพิ่มหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐมากกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า