นางคาร์เมน คาร์เวอร์ โฆษกหน่วยยามฝั่งสหรัฐเปิดเผยว่า มีการขนส่งเครนขนาดใหญ่ที่สุดของเขตชายฝั่งทะเลตะวันออกของสหรัฐเข้าไปยังท่าเรือบัลติมอร์ในรัฐแมริแลนด์ของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ (29 มี.ค.) เพื่อที่จะเริ่มปฏิบัติการขนเศษซากสะพานฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ ออกจากท่าเรือบัลติมอร์และจากแม่น้ำปาแทปสโกในช่วงเช้าวันเสาร์นี้ (30 มี.ค.)
นางคาร์เวอร์กล่าวว่า คณะทำงานยังคงทำการสำรวจความเสียหายเมื่อเที่ยงวันศุกร์ หลังจากที่มีการขนส่งเครนดังกล่าวมาถึงยังท่าเรือบัลติมอร์ในช่วงกลางดึกของวันพฤหัสบดี (28 มี.ค.) โดยเธอเปิดเผยว่า เครนดังกล่าวสามารถยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากถึง 1,000 ตัน และพร้อมที่จะเริ่มขนเศษซากของสะพานฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ที่ถล่มลง หลังถูกเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่พุ่งชน
ทั้งนี้ เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 26 มี.ค. ในเวลาประมาณ 01:30 น.ตามเวลาสหรัฐ เรือขนส่งสินค้าต้าหลี่เกิดระบบไฟฟ้าบนเรือขัดข้องขณะแล่นออกจากท่าเรือบัลติมอร์ ทำให้ไฟบนเรือดับทั้งหมด จากนั้นเรือลำดังกล่าวได้พุ่งชนเข้ากับเสาตอม่อของสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ส่งผลให้บางส่วนของสะพานที่มีความยาว 2.6 กิโลเมตร พังทลายลงสู่แม่น้ำปาแทปสโก
นางคาร์เวอร์เปิดเผยว่า เครนตัวที่สองอยู่ในระหว่างการขนส่งมายังท่าเรือบัลติมอร์และคาดว่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ เพื่อช่วยในการขนย้ายเศษซากสะพาน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ด้านหน่วยงานของรัฐและรัฐบาลกลางสหรัฐนั้นกำลังมุ่งความสนใจไปที่การเคลียร์พื้นที่ท่าเรือบัลติมอร์ซึ่งมีการขนส่งคับคั่ง รวมถึงการก่อสร้างสะพานขึ้นใหม่