เอริก ลี นักกลยุทธ์อาวุโสด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของชิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวลดลงแตะระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนเริ่มคลี่คลาย
ปัจจัยสำคัญคือการลดความเสี่ยงจากการโจมตีของยูเครนต่อเครือข่ายโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย และการผ่อนคลายแรงกดดันทางการทูตต่อประเทศที่ต้องการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งอาจเร่งให้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวเข้าสู่กรณีการคาดการณ์ในเชิงลบของซิตี้เร็วกว่าที่คาดไว้
ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงแล้วประมาณ 18% นับตั้งแต่ต้นปี โดยซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจาก ภาวะน้ำมันล้นตลาดเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการเจรจาระดับสูงที่สหรัฐฯ กำลังผลักดันให้มีการหยุดยิงในยูเครน ซึ่งหากเกิดความคืบหน้าอาจเปิดทางให้ชาติตะวันตกผ่อนคลายข้อจำกัดต่อภาคพลังงานของรัสเซีย และยุติการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของรัสเซีย
ลีเตือนว่า หากราคาน้ำมันร่วงลงอีกประมาณ 10 ดอลลาร์ อาจกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งต้องพึ่งพาราคาน้ำมันที่สูงกว่านี้เพื่อให้การขุดเจาะคุ้มค่า อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดคำถามว่าซาอุดีอาระเบียในฐานะผู้นำกลุ่มโอเปกโดยพฤตินัยจะเลือกปกป้องราคาน้ำมันหรือจะดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวทางของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ
ลีระบุเสริมว่า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำอาจเพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือทางการเมือง เนื่องจากเมื่อราคาน้ำมันสูง เช่น 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สหรัฐฯ จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับรัสเซียหรืออิหร่านเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น แต่เมื่อราคาลดลงมาที่ 60 หรือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำเนียบขาวอาจกล้าใช้มาตรการที่ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันมากขึ้น