เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่านกล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น สามารถชดเชยผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐนำมาใช้กับอิหร่าน
นายโมฮัมหมัด บาเคอร์ โนบาห์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนและงบประมาณของอิหร่านเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์เพรส ทีวีว่า รายได้จากน้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้น 16% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
นายโนบาห์กล่าวว่า "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คิดว่าจะสามารถลดรายได้จากน้ำมันของประเทศเราได้โดยการใช้มาตรการคว่ำบาตรและตัดการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน แต่การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นจะทำให้สิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น "
นายโนบาห์ยังกล่าวด้วยว่า งบประมาณของอิหร่านสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันได้อ้างอิงที่ราคาน้ำมันที่ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่จนถึงตอนนี้ ราคาน้ำมันเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้นเป็น 70 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว
รัฐบาลอิหร่านคาดว่าจะสามารถขายน้ำมันได้ 2.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีปฏิทินของอิหร่าน ซึ่งเริ่มในช่วงกลางเดือนมี.ค. แต่ในความเป็นจริงอิหร่านส่งออกได้ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน นายโนบาห์กล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การที่ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าจะระงับการส่งออกน้ำมันของอิหร่านให้หมดนั้น ได้ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงเป็นประวัติการณ์นับแต่ปี 2557
ขณะที่อิหร่านได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ในบรรดาประเทศที่ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน มีเพียงเกาหลีใต้เท่านั้นที่หยุดซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่าน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าซาอุดิอาระเบียและผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นจะเพิ่มการผลิตน้ำมันเพื่อชดเชยการลดลงของยอดส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านเมื่อสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่านในวันที่ 4 พ.ย.นี้