ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลงในวันนี้ (3 มิ.ย.) หลังจากพุ่งขึ้นไปเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน ปัจจัยหลักมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้น ประกอบกับมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ณ เวลา 19.20 น. ตามเวลาไทย ราคาทองฟิวเจอร์ส่งมอบเดือนส.ค. อยู่ที่ 3,374.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 22.8 ดอลลาร์ หรือ -0.67%
การดีดตัวขึ้นของค่าเงินดอลลาร์จากจุดต่ำสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ ส่งผลให้ต้นทุนการซื้อทองคำของผู้ที่ถือสกุลเงินอื่นสูงขึ้น
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน น่าจะได้มีโอกาสหารือกันภายในสัปดาห์นี้ ไม่กี่วันหลังจากที่ปธน.ทรัมป์เพิ่งกล่าวหาจีนว่าละเมิดข้อตกลงการค้าเบื้องต้นที่ทั้งสองฝ่ายทำร่วมกันที่กรุงเจนีวา ส่งผลให้จีนออกแถลงการณ์โจมตีกลับ ระบุสหรัฐฯ เป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามข้อตกลง พร้อมทั้งประกาศเตรียมตอบโต้แข็งกร้าว
ทางด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ก็เพิ่งแถลงเมื่อวันจันทร์ว่าจะเดินหน้าผลักดันให้สหรัฐฯ ลดหรือยกเลิกกำแพงภาษี แม้ว่าปธน.ทรัมป์จะมีแผนขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมอีกเท่าตัวเป็น 50% ก็ตาม
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังเร่งรัดให้ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ยื่นข้อเสนอทางการค้าที่ดีที่สุดภายในวันพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.) เพื่อเร่งรัดการหารือกับหลายประเทศ ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 8 ก.ค. เมื่อมาตรการภาษีตอบโต้ซึ่งถูกระงับไว้จะกลับมามีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลง 0.2% เหลือเพียง 2.9% โดยสาเหตุหลักมาจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้
สำหรับสัปดาห์นี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจยังรวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์ (6 มิ.ย.) รวมถึงถ้อยแถลงจากบรรดาผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
โดยปกติแล้ว ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่จ่ายผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย มักจะทำผลงานได้ดีในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ