ทองฟิวเจอร์พุ่งกว่า 50 ดอลลาร์ ทะลุ $3,400 เก็งเฟดลดดอกเบี้ย หลังจ้างงานอ่อนแอ

ข่าวต่างประเทศ Friday August 1, 2025 22:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 50 ดอลลาร์ ทะลุ 3,400 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ณ เวลา 22.32 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 53.50 ดอลลาร์ หรือ 1.60% สู่ระดับ 3,402.10 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้เป็นเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนต.ค. หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอในวันนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 37.7% เมื่อวานนี้

นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 106,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.2% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.1% ในเดือนมิ.ย.

กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิ.ย.เป็นเพิ่มขึ้นเพียง 14,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 147,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ค.เป็นเพิ่มขึ้นเพียง 19,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นมากถึง 125,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่ต่อประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ทำเนียบขาวแถลงว่า ปธน.ทรัมป์ประกาศอัตราภาษีนำเข้าฉบับปรับปรุงใหม่ในระดับตั้งแต่ 10%-41% ต่อประเทศคู่ค้าทั่วโลก และสินค้าที่มีการขนส่งจากประเทศที่สาม หรือสินค้าที่มีการสวมสิทธิ์ (transshipped) เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเหล่านี้ จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 40%

นายอะทาคาน บาคิสคาน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารแบเรนเบิร์ก กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงล่าสุดในนโยบายภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ ยังไม่ใช่ฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด เนื่องจากก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์เคยขู่ที่จะขึ้นอัตราภาษีพื้นฐานเป็น 2 เท่าจากปัจจุบันที่ระดับ 10%

นายบาคิสคานกล่าวว่า ภาษีชุดใหม่ของปธน.ทรัมป์จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างประเทศ และสหรัฐเองก็จะได้รับความเสียหายจากภาษีเหล่านี้ จากการที่เงินเฟ้อภายในประเทศดีดตัวขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

นอกจากนี้ นายบาคิสคานระบุว่า ภาษีเหล่านี้ได้บิดเบือนการแข่งขันระหว่างบริษัทที่ผลิตสินค้าในสหรัฐเพื่อจำหน่ายในตลาดภายในประเทศ และบริษัทที่ผลิตสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทจากยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มักแข่งขันกันเองมากกว่าที่จะแข่งขันกับผู้ผลิตในสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ