จับตาฟองสบู่โลหะเงิน ราคาดิ่ง 5% หลังพุ่งแตะนิวไฮ 84 ดอลล์จากแรงหนุนอุปทานขาดแคลน

ข่าวต่างประเทศ Monday December 29, 2025 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาโลหะเงินย่อตัวลงหลังพุ่งทะลุ 80 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก โดยนักลงทุนเริ่มขายทำกำไรหลังราคาเดินหน้าทุบสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนของการเก็งกำไรและปัญหาโครงสร้างอุปสงค์-อุปทานที่ไม่สมดุล

ราคาโลหะเงินดิ่งลงถึง 5% ในวันนี้ (29 ธ.ค.) หลังจากทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 84 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงต้นวัน ต่อเนื่องจากการบวกติดต่อกัน 5 วันทำการ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บ้าง ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับโลหะมีค่า ส่งผลให้ราคาเงิน ทองคำ และแพลทินัม กอดคอพุ่งทำสถิติสูงสุดในช่วงสิ้นปี

ตลาดเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงต้นวันจันทร์ หลังอีลอน มัสก์ แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงสุดสัปดาห์ จนกลายเป็นกระแสคลั่งไคล้การลงทุนในโลหะมีค่า โดยมัสก์ตอบกลับโพสต์บนเอ็กซ์เรื่องข้อจำกัดการส่งออกของจีนว่า "นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เพราะโลหะเงินจำเป็นอย่างยิ่งต่อกระบวนการทางอุตสาหกรรมมากมาย"

"ตลาดกำลังแห่เก็งกำไรกันอย่างหนัก" หวัง เยี่ยนชิง นักวิเคราะห์จาก China Futures Ltd. กล่าว พร้อมระบุว่ากระแสวิจารณ์เรื่องรัฐบาลปักกิ่งจะคุมเข้มการส่งออกนั้นยังไม่มีมูลความจริง "ตอนนี้มีการปั่นกระแสเรื่องสินค้าขาดตลาดจนเริ่มเข้าขั้นสุดโต่งเกินไปแล้ว"

ราคาเงินที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มจะปิดยอดกำไรรายปีได้มากกว่า 160% นั้น ถือเป็นผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522 และเป็นจุดสูงสุดของการทะยานขึ้นตลอดทั้งปีของกลุ่มโลหะมีค่า โดยมีแรงผลักดันหลักจากการที่ธนาคารกลางแห่ซื้อสะสม เม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน ETF และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หั่นดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้ง ซึ่งต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำลงถือเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่มีดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าปี 2569 จะมีการลดดอกเบี้ยลงอีก

"ต้องยอมรับตรง ๆ ว่า เรากำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบชั่วอายุคนของโลหะเงิน" โทนี ซิกคามอร์ นักวิเคราะห์จาก IG Australia ให้ความเห็น "เมื่อพิจารณาว่าเหมืองแห่งใหม่ต้องใช้เวลาพัฒนานานถึง 10 ปี แต่เม็ดเงินกลับแห่ไหลเข้าหาโลหะมีค่าเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าฟองสบู่ลูกนี้จะแตกเมื่อใด"

ทั้งนี้ ราคาเงินพุ่งแรงแซงหน้าทองคำด้วยหลายปัจจัย ประการแรกคือตลาดเงินมีขนาดเล็กกว่าทำให้สภาพคล่องเหือดแห้งได้ง่าย ขณะที่ตลาดทองคำลอนดอนมีทองคำสำรองมูลค่าราว 7 แสนล้านดอลลาร์คอยพยุงกรณีเกิดภาวะขาดแคลน แต่ตลาดเงินกลับไม่มีปริมาณสำรองเช่นนั้น ซึ่งภาวะอุปทานตึงตัวครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้าคลังจัดเก็บในลอนดอนอย่างมหาศาลตั้งแต่นั้นมา

นอกจากนี้ เงินยังใช้งานจริงได้หลากหลายกว่าทองคำ โดยเป็นส่วนประกอบสำคัญตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แผงโซลาร์เซลล์ ไปจนถึงศูนย์ข้อมูล AI และเมื่อสต๊อกสินค้าลดต่ำลงเกือบที่สุดเป็นประวัติการณ์ จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดแคลนสินค้าจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายอุตสาหกรรม


แท็ก รัฐศาสตร์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ