สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (9 ก.ย.) หลังจากกองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีผู้นำกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอิสราเอลกำลังขยายปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.59% ปิดที่ 62.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 66.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
กองทัพอิสราเอลใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงโดฮาในวันอังคาร โดยพุ่งเป้าไปยังสำนักงานใหญ่ของกลุ่มฮามาส โดยมีเป้าหมายเพื่อสังหารคาลิล อัล-เฮย์ยา ผู้นำอาวุโสของสำนักงานฝ่ายการเมืองของฮามาส และผู้นำคนอื่น ๆ ที่กำลังประชุมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงที่สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า อัล-เฮย์ยารอดชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ แต่ลูกชายของเขาและผู้ช่วยคนสนิทคนหนึ่งได้เสียชีวิต ส่วนเจ้าหน้าที่คุ้มกันอีก 3 คนยังขาดการติดต่อ
กระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ได้ประณามการโจมตีของอิสราเอลในกรุงโดฮา โดยระบุว่าเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยของประชาชนในกาตาร์ ขณะที่อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีของอิสราเอลเช่นกัน โดยระบุว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกาตาร์ ในขณะที่กาตาร์เป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในความพยายามบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์พุ่งขึ้นเกือบ 2% หลังมีข่าวอิสราเอลโจมตีผู้นำกลุ่มฮามาสในกาตาร์ แต่ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากสหรัฐฯ ให้คำมั่นกับกาตาร์ว่าจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกบนดินแดนของกาตาร์
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังลดช่วงบวก หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกจะเผชิญกับแรงกดดันอย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากปริมาณน้ำมันสำรองที่เพิ่มขึ้น
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.25 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้