สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (20 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปทานน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งกังวลว่าสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะส่งผลกระทบต่อและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 57.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 61.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในระหว่างวัน สัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ร่วงลงกว่า 1% และต่างก็ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด โดยสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดจำนวน 4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิต ท่ามกลางอุปสงค์ที่ซบเซา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ขณะที่ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) ได้เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศลดข้อพิพาททางการค้า โดยเตือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ผลผลิตทางเศรษฐกิจของโลกลดลง 7% ในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงลบ หลังจากกลุ่มล็อบบี้ทางธุรกิจซึ่งประกอบด้วยบริษัทรายใหญ่อย่าง Oracle, Amazon.com และ Exxon Mobil ได้ออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการใช้กฎระเบียบที่สร้างความเสียหายต่อการส่งออกของสหรัฐฯ เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และเตือนว่ากฎระเบียบดังกล่าวจะผลักดันให้จีนและประเทศอื่น ๆ ตัดบริษัทสหรัฐฯ ออกจากห่วงโซ่อุปทาน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ (21 ต.ค.) ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการในวันพุธ