ราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวต่อเนื่องใกล้หลุด 40 ดอลล์ หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันพุ่งเกินคาด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 23, 2016 22:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวลงต่อเนื่องในวันนี้ ใกล้หลุดระดับ 40 ดอลลาร์ หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบมากกว่าที่คาดไว้

ณ เวลา 22.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2.58% สู่ระดับ 40.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 9.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 532.5 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล

เมื่อวานนี้ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยพุ่งขึ้นมากกว่าถึง 3 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นายนีล แอตคินสัน ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมน้ำมันและตลาดของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า การบรรลุข้อตกลงระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการจำกัดการผลิตในการประชุมเดือนหน้า จะไม่มีความหมายแต่อย่างใด เนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นเพียงประเทศเดียวที่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันได้

"การจำกัดการผลิตน้ำมันในครั้งนี้จะแทบไม่มีความหมาย โดยสิ่งนี้เป็นเพียงการแสดงออกซึ่งท่าทีในการสร้างความเชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันจะมีเสถียรภาพ" เขากล่าว

นอกจากนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นก็เป็นปัจจัยลบต่อราคาน้ำมันในวันนี้ เนื่องจากจะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 112 เยน ขานรับคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

ณ เวลา 19.40 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.37% สู่ระดับ 112.78 เยน และปรับตัวขึ้น 0.38% สู่ระดับ 1.1171 เทียบยูโร ขณะที่ยูโรขยับลง 0.01% สู่ระดับ 126.00 เยน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.27% สู่ระดับ 95.933

นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เขาจะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนเม.ย.หรือเดือนมิ.ย. หากข้อมูลเศรษฐกิจยังคงเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้

นายวิลเลียมส์กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวได้ดี และเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในจังหวะที่เร็วขึ้นหากไม่มีปัจจัยเศรษฐกิจโลกมาเหนี่ยวรั้งเอาไว้

นอกจากนี้ นายวิลเลียมส์กล่าวว่า เขาเห็นด้วยที่เฟดไม่ดำเนินการใดๆในเดือนนี้ เนื่องจากเฟดต้องได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ท่ามกลางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งยังต้องดูว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาจะมีความยั่งยืนหรือไม่

ทางด้านนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า เปิดเผยว่า เฟดอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนเม.ย.นี้

นายล็อคฮาร์ท กล่าวว่า "ผมมองว่าขณะนี้มีปัจจัยกระตุ้นเพียงพอดังที่ปรากฎให้เห็นในข้อมูลเศรษฐกิจ เพื่อนำไปพิจารณาในการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการประชุมครั้งต่อไป โดยอย่างเร็วที่สุดก็ในการประชุมปลายเดือนเม.ย."

นายล็อคฮาร์ท ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะดีดตัวขึ้น หลังจากที่ขยายตัวเพียง 1% ในไตรมาส 4

การแสดงความเห็นของนายล็อคฮาร์ทสอดคล้องกับนายวิลเลียมส์ที่ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเม.ย.เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ