นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ประกาศในวันนี้ (4 ส.ค.) ว่า จะกดดันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้เร่งทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะลดภาษีรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของข้อตกลงการค้าที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ยังคงเปราะบาง
ภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุเมื่อเดือนก่อน สหรัฐฯ จะลดภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากญี่ปุ่นลงจาก 25% เหลือ 15% ทว่าข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อใด สถานการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก โดยเรียวเซ อาคาซาวะ หัวหน้าคณะเจรจาการค้าของญี่ปุ่นชี้ว่า กระบวนการลักษณะเดียวกันกับสหราชอาณาจักรยังใช้เวลา "มากกว่าหนึ่งเดือน"
ความไม่แน่นอนนี้ได้สร้างแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนักให้กับนายกฯ อิชิบะ ซึ่งกำลังเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งแม้กระทั่งจากคนในพรรคของตนเอง หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งวุฒิสภาครั้งใหญ่เมื่อเดือนที่แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นายกฯ อิชิบะจะต้องสร้างผลงานด้านดีลการค้าให้เป็นรูปธรรม
ในการประชุมรัฐสภาวันนี้ พรรคฝ่ายค้านได้วิพากษ์วิจารณ์นายกฯ อิชิบะที่ไม่สามารถทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรได้
นายกฯ อิชิบะได้ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า การยืนกรานที่จะร่างเอกสารที่เป็นทางการอาจทำให้การลดภาษีล่าช้าออกไป "นั่นคือสิ่งที่เรากลัวที่สุด" เขากล่าว พร้อมทั้งระบุว่าทรัมป์เป็นคู่เจรจาที่คาดเดายาก "เขาไม่ใช่คู่เจรจาที่ทำตามขนบ และพร้อมจะฉีกทุกกฎเกณฑ์ "
นายกฯ อิชิบะย้ำจุดยืนว่า เขา "ไม่ลังเลแม้แต่น้อย" ที่จะเปิดโต๊ะเจรจาโดยตรงกับทรัมป์ เพื่อให้มั่นใจว่าสหรัฐฯ จะปฏิบัติตามข้อตกลง "จากนี้ไป ทั้งสองประเทศจะต้องเริ่มทำตามสิ่งที่ตกลงกันไว้ ซึ่งเป็นงานที่ยากกว่าการเจรจาให้ได้ข้อตกลงเสียอีก"