บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ป แถลงในวันนี้ว่า บริษัทได้เลิกจ้างพนักงาน 2 คน เนื่องจากได้บุกเข้าไปในห้องทำงานของนายแบรด สมิธ ประธานบริษัท ในช่วงต้นสัปดาห์นี้
"พนักงาน 2 คนได้ถูกเลิกจ้างในวันนี้ เนื่องจากมีการละเมิดนโยบายและระเบียบปฏิบัติของบริษัทอย่างร้ายแรง ด้วยการบุกรุกเข้าไปยังสำนักงานของผู้บริหารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย""เหตุการณ์เหล่านี้ไม่สอดคล้องกับความคาดหวังที่บริษัทมีต่อพนักงาน โดยบริษัทกำลังสืบสวนอย่างต่อเนื่อง และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว" แถลงการณ์ระบุทั้งนี้ พนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานของไมโครซอฟท์จำนวน 7 คน ได้ทำการประท้วงในอาคารสำนักงานใหญ่ที่เมืองเรดมอนด์ รัฐวอชิงตัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านต่อการที่กองทัพอิสราเอลใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทสนับสนุนการโจมตีฉนวนกาซา
ผู้ประท้วง ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่ม No Azure for Apartheid ได้บุกเข้าไปในห้องทำงานของนายสมิธ และเรียกร้องให้ไมโครซอฟท์ยุติการสนับสนุนโดยตรงและโดยอ้อมต่ออิสราเอล
ทั้งนี้ Azure คือแพลตฟอร์ม Cloud Computing ของไมโครซอฟท์
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประท้วงได้กีดกันไม่ให้คนอื่นเข้าไปในสำนักงาน พร้อมกับวางอุปกรณ์ดักฟังในรูปของโทรศัพท์ และปฏิเสธที่จะออกไปจนกว่าตำรวจจะเข้ามาเคลียร์พื้นที่
กลุ่ม No Azure for Apartheid นิยามตนเองว่าเป็น "ขบวนการของพนักงานไมโครซอฟท์ที่เรียกร้องให้บริษัทยุติการมีส่วนร่วมโดยตรงและโดยอ้อมต่อการแบ่งแยกสีผิวและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอล"
ก่อนหน้านี้ The Guardian รายงานว่า กองทัพอิสราเอลใช้ Azure ของไมโครซอฟท์ในการจัดเก็บการสนทนาทางโทรศัพท์ของชาวปาเลสไตน์ ทำให้บริษัทต้องให้บุคคลที่สามเข้ามาตรวจสอบว่า เทคโนโลยีของบริษัทถูกใช้ในการสอดแนมหรือไม่
นอกจากนี้ กลุ่ม No Azure for Apartheid ยังได้จัดการประท้วงรอบ ๆ บริษัทเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้มีการจับกุมผู้ประท้วงถึง 20 คนในวันเดียว โดยในจำนวนนี้ 16 คนไม่เคยทำงานกับไมโครซอฟท์มาก่อน
การดำเนินการของไมโครซอฟท์มีขึ้น หลังจากที่บริษัท กูเกิล ก็ได้เคยเลิกจ้างพนักงาน 28 คนเมื่อปีที่แล้ว หลังการประท้วงเกี่ยวกับสภาพการทำงานของบริษัท และการที่กูเกิลมีสัญญากับรัฐบาลอิสราเอลและกองทัพ เกี่ยวกับการให้บริการคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งในครั้งนั้น พนักงานบางคนได้บุกเข้าไปในห้องทำงานของนายโธมัส คูเรียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธุรกิจคลาวด์ของกูเกิลเช่นกัน