ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ ในระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (UN) ว่าด้วยการยุติปัญหาปาเลสไตน์อย่างสันติและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 ก.ย.) การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในกว่า 150 ประเทศทั่วโลกที่ให้การรับรองปาเลสไตน์
ปธน.มาครงกล่าวในที่ประชุมซึ่งฝรั่งเศสและซาอุดีอาระเบียเป็นประธานร่วมว่า "ผมขอประกาศในวันนี้ว่า ฝรั่งเศสให้การรับรองรัฐปาเลสไตน์"
"ถึงเวลาแล้ว เราจะรออีกต่อไปไม่ได้" ผู้นำฝรั่งเศสกล่าว พร้อมย้ำว่า "เราต้องการเห็นสองรัฐอยู่เคียงข้างกันอย่างสันติและปลอดภัย"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเคลื่อนไหวของฝรั่งเศสมีขึ้นหลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ย.) สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย และโปรตุเกส เพิ่งประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เช่นกัน โดยทุกฝ่ายต่างมีเป้าหมายเพื่อผลักดัน "แนวทางสองรัฐ" ท่ามกลางสถานการณ์ที่อิสราเอลยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารและการผนวกดินแดนในฉนวนกาซา แม้จะถูกประชาคมโลกประณามอย่างหนัก
ด้านอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการ UN กล่าวในที่ประชุมว่า ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ยืดเยื้อมานานหลายชั่วอายุคนโดยไม่ได้รับการแก้ไข
"การเจรจาล้มเหลว มติต่าง ๆ ถูกเมินเฉย กฎหมายระหว่างประเทศถูกละเมิด" กูแตร์เรสชี้ พร้อมย้ำว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และเลวร้ายลงทุกขณะ
เลขาธิการ UN ระบุว่าทางออกเดียวจากฝันร้ายนี้คือ "แนวทางสองรัฐ" ซึ่งจะทำให้อิสราเอลกับปาเลสไตน์เป็นรัฐประชาธิปไตยที่มีเอกราชและมีอธิปไตย อยู่ร่วมกันอย่างสันติและปลอดภัย ภายในพรมแดนที่ปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย โดยยึดตามแนวพรมแดนก่อนปี 2510 โดยมีนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของทั้งสองรัฐ
ขณะที่อันนาเลนา แบร์บ็อค ประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 80 เรียกร้องให้มีการหยุดยิงในกาซาอย่างถาวรทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข เธอกล่าวว่า อิสราเอลต้องเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพลเรือนชาวปาเลสไตน์ได้อย่างเต็มที่ รวดเร็ว ปลอดภัย และปราศจากอุปสรรค ส่วนกลุ่มฮามาสก็ต้องปล่อยตัวประกันทั้งหมดทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข
ประธานสมัชชาใหญ่ฯ ย้ำว่า สงครามที่ไม่สิ้นสุด การยึดครองอย่างถาวร และการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษนี้ได้ ทางออกเดียวที่จะรับประกันสันติภาพ ความมั่นคง และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้แก่คนรุ่นหลังของทั้งสองฝ่าย คือแนวทางสองรัฐเท่านั้น