คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จัดประชุมฉุกเฉินในวันจันทร์ (22 ก.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่าเครื่องบินขับไล่ของรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้าของเอสโตเนีย ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต
มิโรสลาฟ เยนกา ผู้ช่วยเลขาธิการ UN ประจำยุโรป เอเชียกลาง และอเมริกา ระบุในการแถลงข่าวว่า UN ยังไม่สามารถยืนยันคำกล่าวอ้างใด ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้ และไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนั้น การแถลงข่าวในครั้งนี้จึงอาศัยข้อมูลจากแหล่งข้อมูลสาธารณะเท่านั้น
เยนการะบุว่า ในจดหมายถึงประธาน UNSC ที่ลงวันที่เมื่อวันเสาร์ (20 ก.ย.) เอสโตเนียระบุว่า เครื่องบินขับไล่ MiG-31 ของรัสเซียจำนวน 3 ลำรุกล้ำเข้าน่านฟ้าเอสโตเนียเป็นระยะทาง 10 กม. และอยู่ในน่านฟ้านาน 12 นาทีเมื่อวันศุกร์ (19 ก.ย.)
ไมค์ วอลซ์ ผู้แทนถาวรสหรัฐฯ ประจำ UN กล่าวต่อ UNSC ว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรจะปกป้องดินแดนของนาโตทุกตารางนิ้ว
เยนกากล่าวว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุเมื่อวันเสาร์ว่า เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียได้บินจากเมืองคาเรเลียซึ่งอยู่ติดกับชายแดนฟินแลนด์ไปยังสนามบินในคาลินินกราดตามกำหนดการ โดยปฏิบัติตามกฎน่านฟ้าสากลอย่างเคร่งครัด โดยไม่ได้เบี่ยงไปจากเส้นทางบินที่ตกลงกันไว้และไม่ได้ละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนีย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เอสโตเนียและประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่เข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ รวมถึงสหรัฐฯ กล่าวหาว่า รัสเซียละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนียและทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ดมิทรี โปเลียนสกี รองผู้แทนถาวรคนแรกของรัสเซียประจำ UN ปฏิเสธว่า เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียไม่ได้ละเมิดน่านฟ้าของเอสโตเนียและกล่าวหาประเทศในยุโรปว่ามีความเกลียดชังต่อรัสเซีย
"ตอนนี้เพื่อนบ้านของเราคิดว่า รัสเซียมีความผิดฐานบุกรุกน่านฟ้าของเอสโตเนีย และเช่นเคย ไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย นอกจากความหวาดระแวงและอคติต่อรัสเซียที่มาจากเอสโตเนีย" โปเลียนสกีกล่าว