อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) ว่า เกาหลีเหนือกำลังอยู่ในขั้นสุดท้ายของการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ที่สามารถโจมตีสหรัฐฯ ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ได้ แม้ว่าจะยังไม่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศก็ตาม
ปธน.อีให้คำมั่นว่าจะลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือลงเพื่อดึงดูดการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ระหว่างการเดินทางเยือนนิวยอร์ก เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ที่เป็นเจ้าภาพจัดการเสวนานักลงทุนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
ปธน.อีกล่าวว่า "ไม่ว่าจะเพื่อเจรจากับสหรัฐฯ หรือเพื่อการปกครองของตัวเองก็ตาม พวกเขายังคงเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถยิงถึงสหรัฐฯ ได้ และสามารถบรรจุระเบิดนิวเคลียร์มาถล่มสหรัฐฯ ได้ แต่ถึงจะดูเหมือนว่าพวกเขายังทำไม่สำเร็จ แต่ก็ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ขาดแต่เพียงเทคโนโลยีสำหรับการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่านั้น ซึ่งนั่นก็น่าจะได้รับการแก้ไขในเร็ว ๆ นี้"
ปีที่แล้วเกาหลีเหนือได้ยิง ฮวาซอง-19 (Hwasong-19) ขีปนาวุธ ICBM ลูกใหญ่ที่สุดพุ่งขึ้นไปในอวกาศ โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ขีปนาวุธดังกล่าวมีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายในสหรัฐฯ แม้ว่าความสามารถของเกาหลีเหนือในการนำวิถีขีปนาวุธและป้องกันหัวรบนิวเคลียร์ขณะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศจะยังคงเป็นที่กังขาก็ตาม
ปธน.อีย้ำว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเป็นคู่เจรจากับเกาหลีเหนือได้ โดยทรัมป์กล่าวในเดือนส.ค.ว่าต้องการพบกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดภายในปีนี้ ซึ่งคิม จองอึน ก็ยืนยันว่า ไม่มีเหตุผลที่จะหลีกเลี่ยงการเจรจากับสหรัฐฯ หากสหรัฐฯ หยุดยืนกรานให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ ปธน.อี ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้เมื่อเดือนมิ.ย. ได้พยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ และเสนอให้มีการเจรจาระหว่างสองชาติเกาหลีขึ้น แต่เกาหลีเหนือปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว
ปธน.อีเสริมว่า เกาหลีเหนือดูเหมือนจะมีอาวุธนิวเคลียร์เพียงพอที่จะค้ำจุนระบอบการปกครองของตนเองแล้ว และได้เรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อหยุดยั้งการผลิตอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มเติม ซึ่งอาจถูกนำไปขายให้กับต่างประเทศได้ ตลอดจนชักชวนให้ลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ในระยะกลางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในอนาคต