ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (28 ก.ย.) ว่า รัสเซียระดมโจมตีครั้งใหญ่ใส่ยูเครนด้วยโดรนและขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 ชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย บาดเจ็บอีก 40 ราย
แถลงการณ์ของปธน.เซเลนสกีระบุว่า การโจมตีระลอกนี้ประกอบด้วยโดรนรบเกือบ 500 ลำ และขีปนาวุธกว่า 40 ลูก รวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เป้าหมายหลักของการโจมตีมุ่งไปที่กรุงเคียฟและพื้นที่โดยรอบ แคว้นซาโปริซเซียทางภาคใต้ และแคว้นคเมลนีตสกีทางภาคตะวันตก ปธน.เซเลนสกีกล่าวเสริมว่า โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทั่วประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะโรงงานผลิตขนมปัง โรงงานยางรถยนต์ และอาคารบ้านเรือนของประชาชน
ด้านทีมูร์ ทคาเชนโก หัวหน้าสำนักงานบริหารการทหารกรุงเคียฟ เปิดเผยว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตที่กรุงเคียฟ เป็นผู้ใหญ่ 3 ราย และเด็กหญิงวัย 12 ปีอีก 1 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกราว 10 คน และมีสถานที่กว่า 15 แห่งในเมืองหลวงได้รับความเสียหาย ประกอบด้วยสถาบันโรคหัวใจ โรงเรียนอนุบาล และอาคารที่พักอาศัย
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า ระบบต่อต้านอากาศยานของรัสเซียสามารถสกัดและทำลายโดรนของยูเครนได้ 53 ลำในหลายแคว้น ตลอดช่วงกลางคืนจนถึงเช้าวันอาทิตย์
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังรายงานว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า กองทัพรัสเซียได้ยิงสกัดระเบิดนำวิถีทางอากาศ 6 ลูก จรวดจากระบบยิงหลายลำกล้อง HIMARS ที่ผลิตในสหรัฐฯ 6 ลูก และจรวด Vampire ที่ผลิตในสาธารณรัฐเช็กอีก 1 ลูก