กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ 34 แห่งในฟิลิปปินส์ร่วมกันเรียกร้องในวันอาทิตย์ (19 ต.ค.) ให้ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จัดการกับเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตครั้งประวัติศาสตร์ ที่ใหญ่โต และไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญของฟิลิปปินส์ โดยประณามว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นวิกฤตที่บ่อนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนและเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
แถลงการณ์ที่ลงนามร่วมกันโดยกลุ่มธุรกิจชั้นนำ ซึ่งรวมถึง มาคาติ บิสซิเนส คลับ (Makati Business Club), หอการค้าและอุตสาหกรรมฟิลิปปินส์ (Philippine Chamber of Commerce and Industry) และ สมาพันธ์นายจ้างฟิลิปปินส์ (Employers' Confederation of the Philippines) ระบุว่า "พวกเราซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจหลักที่เป็นตัวแทนของสมาชิกจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ กลาง เล็ก และระดับจุลภาค ได้ร่วมลงนามในมติฉบับนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าจัดการอย่างเร่งด่วน โดยปราศจากความล่าช้า ต่อเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตครั้งประวัติศาสตร์ ใหญ่โต และไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งกำลังบ่อนทำลายโครงการควบคุมอุทกภัยและโครงสร้างพื้นฐานของเรา วิกฤตนี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและกำลังคุกคามความมั่นคงของชาติ"
"เราได้มีส่วนร่วมในการจัดหาเงินทุนของชาติผ่านการเสียภาษีทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ และได้ชำระภาษีประเมินเพิ่มเติม ... แต่ทว่า เงินหลายล้านล้านเปโซที่จัดสรรและตั้งใจไว้เพื่อปกป้องชุมชนของเราจากภัยพิบัติ กลับถูกผลาญไปกับโครงการผี ผลงานที่ไม่ได้มาตรฐาน และสัญญาที่ตั้งราคาสูงเกินจริง นี่เป็นมากกว่าความเสียหายทางการเงิน มันคือการละเมิดความเชื่อมั่นของสาธารณชนอย่างร้ายแรง ทำให้ประชาชนของเราตกอยู่ในภาวะเปราะบางและโกรธแค้น" แถลงการณ์ระบุสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางกลุ่มได้เรียกร้องให้ปธน.มาร์กอสมอบอำนาจเต็มทางกฎหมายและความเป็นอิสระ แก่คณะกรรมาธิการอิสระด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Independent Commission on Infrastructure - ICI) เพื่อดำเนินการสอบสวนอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม และปราศจากอิทธิพลทางการเมือง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของฟิลิปปินส์คาดว่า เศรษฐกิจของประเทศจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตดังกล่าว