ศาลสหรัฐฯ ชี้มีหลักฐานรัฐบาลทำผิดพลาดร้ายแรงคดีสอบอดีตผอ. FBI

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 18, 2025 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้พิพากษาสหรัฐฯ พบว่ามีหลักฐานบ่งชี้อัยการคนสนิทของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำผิดพลาดในการตั้งข้อหาทางอาญาต่อเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI พร้อมมีคำสั่งให้ฝ่ายอัยการต้องส่งมอบบันทึกการพิจารณาของคณะลูกขุนใหญ่ ซึ่งปกติแล้วเป็นเอกสารลับสุดยอด ให้กับทีมทนายความของโคมีย์

วิลเลียม ฟิตซ์แพทริก ผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐบาลกลาง ในเมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย มีคำวินิจฉัยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 พ.ย.) ว่า ลินด์ซีย์ ฮัลลิแกน อัยการที่ทรัมป์แต่งตั้งให้มาทำคดีนี้ อาจทำผิดพลาดทางกฎหมายอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรวมถึงการนำเสนอหลักฐาน และการชี้นำคณะลูกขุนใหญ่ในทางที่อาจทำให้การตัดสินใจตั้งข้อหาโคมีย์นั้นไม่เป็นธรรม

"สำนวนคดีได้ชี้ให้เห็นถึงรูปแบบอันน่ากังวลของความผิดพลาดฉกรรจ์ในกระบวนการสืบสวน ความผิดพลาดเหล่านี้อาจได้นำพาให้เจ้าหน้าที่ FBI และอัยการบ่อนทำลายความศักดิ์สิทธิ์แห่งกระบวนการพิจารณาของคณะลูกขุนใหญ่" ฟิตซ์แพทริกเขียนไว้ในคำวินิจฉัย

หลังมีคำสั่งศาล โฆษกกระทรวงยุติธรรมปฏิเสธที่จะให้ความเห็น แต่อัยการได้รีบยื่นเรื่องขอให้ระงับคำสั่งเปิดเผยเอกสารลับทันที โดยอ้างว่าผู้พิพากษา "อาจตีความข้อเท็จจริงบางอย่างคลาดเคลื่อนไป"

ต่อมาในวันเดียวกัน ไมเคิล นาคมานอฟฟ์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นแห่งรัฐบาลกลาง เขตตะวันออกของเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นองค์คณะผู้พิพากษาในคดีของโคมีย์ ได้มีคำสั่งให้ระงับคำสั่งเปิดเผยเอกสารไว้ชั่วคราว เพื่อขอทบทวนรายละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ โคมีย์เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์มาตลอด และถูกกระทรวงยุติธรรมตั้งข้อหาอาญาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า การดำเนินคดีกับโคมีย์เป็นความพยายามใช้กฎหมายเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ขณะที่ โคมีย์พยายามขอให้ศาลยกฟ้องคดีนี้ โดยอ้างว่าเป็น "ความแค้นส่วนตัว" ของทรัมป์ ที่ไม่พอใจตนเองที่เคยเป็นผู้นำการสอบสวนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทีมหาเสียงของทรัมป์กับรัสเซีย

รายงานระบุด้วยว่า คำวินิจฉัยของฟิตซ์แพทริกยังได้แจกแจงถึงความบกพร่องในการสืบสวนอีกหลายประการ ซึ่งรวมถึงการที่คณะอัยการได้ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ FBI ยึดมาได้เมื่อหลายปีก่อนโดยไม่ได้ขอหมายค้นใหม่ และการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ FBI เข้าให้การต่อคณะลูกขุนใหญ่ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นอาจเคยเข้าถึงข้อมูลที่ได้รับความคุ้มครองตามเอกสิทธิ์ทางความลับระหว่างทนายความกับลูกความ (attorney-client privilege)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ