ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งสัญญาณกดดันอย่างหนักต่อประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา โดยระบุว่าการตัดสินใจที่ชาญฉลาดคือการยอมสละอำนาจ พร้อมขู่จะนำน้ำมันที่ยึดได้จากปฏิบัติการทางทหารมาเป็นของสหรัฐฯ หรือนำออกขาย
ทรัมป์เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวว่า สหรัฐฯ กำลังพิจารณาว่าจะจัดการอย่างไรกับน้ำมันที่ยึดมาได้จากนอกชายฝั่งเวเนซุเอลาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา "เราอาจจะขาย หรืออาจจะเก็บมันไว้เอง" ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุเสริมว่าน้ำมันดังกล่าวอาจนำไปใช้เพื่อเติมคลังสำรองน้ำมันยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
ขณะนี้ หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ธ.ค.) ได้ไล่ตามเรือบรรทุกน้ำมันในน่านน้ำสากล ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ "ปิดล้อม" เรือบรรทุกน้ำมันทุกลำที่ถูกคว่ำบาตรทั้งขาเข้าและออกจากเวเนซุเอลา
ที่ผ่านมา ทรัมป์ยกระดับการกดดันด้วยการเพิ่มกำลังทหารและสั่งโจมตีทางทหารต่อเรือที่ต้องสงสัยว่าลักลอบขนยาเสพติดในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลแคริบเบียนมากกว่า 20 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 100 ราย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป้าหมายคือการบีบให้มาดูโรพ้นจากตำแหน่งใช่หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "ผมคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น... แต่ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าต้องการจะทำอย่างไร ผมคิดว่าเขาควรฉลาดพอที่จะสละอำนาจ แต่เราก็ต้องรอดูกันต่อไป"
"ถ้าเขาคิดจะลองดีหรือทำเป็นซ่า... นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ซ่า" ทรัมป์กล่าวนอกจากเวเนซุเอลาแล้ว ทรัมป์ยังใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ผู้นำโคลอมเบีย ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกับทรัมป์มาตลอดทั้งปี
"หมอนี่ไม่ใช่เพื่อนของสหรัฐฯ หรอก เป็นคนที่แย่มาก แย่สุด ๆ เขาต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ เพราะเขาผลิตโคเคนแล้วก็ส่งมันเข้ามาในประเทศเรา" ทรัมป์กล่าว หลังจากถูกเปโตรวิจารณ์เรื่องการจัดการความตึงเครียดในภูมิภาค
ด้านมาดูโรออกมาตอบโต้โดยไม่ได้ระบุชื่อทรัมป์โดยตรงว่า ผู้นำทุกประเทศควรให้ความสำคัญกับกิจการภายในของตนเองเป็นหลัก
"หากผมได้คุยกับเขาอีกครั้ง ผมจะบอกเขาว่า ทุกประเทศควรดูแลเรื่องภายในของตัวเอง" มาดูโรกล่าว โดยอ้างถึงการต่อสายตรงคุยกับทรัมป์เมื่อเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา