รมว.กลาโหมสหรัฐพักรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อ ขณะหลายฝ่ายขอให้เปิดเผยอาการ

ข่าวต่างประเทศ Monday January 8, 2024 15:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ยังคงอยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อวันอาทิตย์ (7 ม.ค.) ขณะที่เขาเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งพรรคเดโมแครตและริพับลิกัน จากกรณีที่ไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณชนเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดที่ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวในหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต (ICU)

นายแพทริค ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยในการรายงานความคืบหน้าเมื่อบ่ายวานนี้ว่า นายออสตินเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 1 ม.ค. และไม่ได้เดินทางไปยังกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเขายังคงต้องรักษาตัวต่อไปอย่างไม่มีกำหนด อย่างไรก็ตาม "อาการของออสตินฟื้นตัวเป็นอย่างดีและสภาพจิตใจก็อยู่ในเกณฑ์ดี"

นายเจมส์ แลงก์ฟอร์ด วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐโอกลาโฮมากล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวานนี้ว่า "นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าจะตกใจ เพราะเมื่อคุณกุมบังเหียนกระทรวงกลาโหมสหรัฐ คุณต้องทำให้ทุกคนรับรู้ว่าคุณไม่มีอะไรซ่อนเร้น"

นายไรเดอร์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศเกี่ยวกับการรักษาตัวนายออสติน ณ ศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด เมื่อวันศุกร์ (5 ม.ค.) ซึ่งเป็นเวลา 4 วันหลังจากที่เขาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว โดยเขาเริ่มรู้สึก "เจ็บปวดอย่างรุนแรง" และเข้าโรงพยาบาลตอนบ่ายโมงของวันที่ 1 ม.ค.

อย่างไรก็ตาม นายไรเดอร์ระบุว่า "ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว เราจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้"

ขณะเดียวกัน นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า เขาได้พูดคุยกับนายออสตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยกล่าวกับนักข่าวที่เมืองโดฮาของกาตาร์ระหว่างทริปเยือนตะวันออกกลางว่า "ผมไม่ทราบถึงปัญหาด้านสุขภาพของเขาเลย"

แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายออสตินไม่ได้พูดคุยกันเป็นเวลา 2 วัน หลังจากที่ปธน.ไบเดนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของนายออสตินเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) แต่พวกเขาได้พูดคุยกันเมื่อเย็นวันเสาร์ (6 ม.ค.) โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งระบุในแถลงการณ์อีกฉบับว่า ท่านประธานาธิบดีมีความเชื่อมั่นเต็มร้อยในตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเขา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ